หลายคนมักจะรวบรวมเพียง Data (ข้อมูล) และ Information (สารสนเทศ) น้อยคนที่สามารถสรุปเป็น Knowledge (องค์ความรู้) เพื่อพัฒนาสู่ Wisdom (ปัญญา)
ต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของ Knowledge ของกรุงบรัสเซลส์ เพื่อถอดรหัสให้เป็น Wisdom
1. ท่านทราบหรือไม่ว่า เบลเยี่ยมประกาศยอมรับศาสนาอิสลามเป็นหนึ่งในศาสนาประจำชาติตั้งแต่ปี 1974
2. ท่านทราบหรือไม่ว่า วันอีดฟิฏรีและอีดอัฎฮา เป็นวันหยุดราชการในเบลเยี่ยม
3. ท่านทราบหรือไม่ว่ามุสลิมในเบลเยี่ยมมีจำนวนทั้งสิ้น 700,000 คน หรือ 6% จากประชากรทั้งหมด 11 ล้านคน
4. ท่านทราบหรือไม่ว่า ครึ่งหนึ่งของประชากรในกรุงบรัสเซลส์เป็นมุสลิมส่วนใหญ่แล้วมาจากมอร็อคโค
5. ท่านทราบหรือไม่ว่า เบลเยี่ยมมีกฎหมายรับรองมัสยิดและสนับสนุนการก่อสร้างมัสยิดบางแห่งในเบลเยี่ยม
6. ท่านทราบหรือไม่ว่า อิมามมัสยิดในเบลเยี่ยมจำนวน 250 คน รับเงินเดือนโดยตรงจากกระทรวงว่าการยุติธรรม
7. ท่านทราบหรือไม่ว่าลูกหลานมุสลิมในเบลเยี่ยมมีสิทธิ์ได้รับการศึกษาทางอิสลามศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลอย่างน้อย 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และรัฐบาลให้เงินเดือนแก่ครูอิสลามศึกษาจำนวนมากกว่า 800 คนทั่วประเทศ
8. ท่านทราบหรือไม่ว่ามีมัสยิดในเบลเยี่ยมกว่า 300 แห่ง
9. ท่านทราบหรือไม่ว่า มุสลิมเบลเยี่ยมสามารถขออนุญาตเปิดโรงเรียนสอนศาสนาพร้อมรับเงินอุดหนุนและสวัสดิการ
10. ท่านทราบหรือไม่ว่า ช่วง 10 ปีหลังนี้ มีชาวเบลเยี่ยมดั้งเดิมรับอิสลามจำนวน 1,000 คนต่อปี จนกล่าวกันว่า เบลเยี่ยมคือผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในการปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งอิสลาม
..........
วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2559
แผนร้ายสะเทือนขวัญ!!! ชาวไทยทั้งชาติ
พบแผนร้ายสะเทือนขวัญชาวไทยทั้งชาติ มุสลิมมิได้มุ่งยึดครอง ๓ จังหวัดภาคใต้เท่านั้น แต่วางแผนยึดไทยทั้งประเทศอย่างลึกซึ้งแยบยล และได้ดำเนินงานตามแผนมาตามลำดับจนใกล้บรรลุผลสำเร็จแล้ว ดังนี้
๑. วางแผนยึดสถาบันพระมหากษัตริย์เปลี่ยนให้เป็นกษัตริย์มุสลิม
ได้มีการส่งลูกสาวของแกนนำ มุส ลิมระดับสูงซึ่งมีตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งมี
หน้า ตาดีเข้าไปถวายตัวกับ"เจี่ย" เรียบร้อยแล้ว ถ้ามีลูกเมื่อใด พระราชวงศ์ทุกพระองค์ที่มีศักดิ์สูงกว่าจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต และเด็กคนนี้จะถูกอบรมเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นเป็นกษัตริย์มุสลิมที่เคร่งครัด แม้จะบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ แต่เมื่อองค์กษัตริย์เป็นชาวมุสลิมทั้งตัวและหัวใจแล้ว การจะแก้เรื่องนี้ก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก และเมื่อยึดสถา
บันพระมหากษัตริย์ได้ การจะเปลี่ยนประเทศไทยให้กลายเป็นประเทศมุสลิมก็ทำได้ง่ายเหมือนที่เคยเกิด ขึ้นมาแล้วในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเคยเป็นเมืองพุทธมาก่อน
๒. วางแผนเปลี่ยนกองทัพไทยให้เป็นกองทัพมุสลิม
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ทหารมุสลิมขึ้นมาเป็นผบ.ทบ.และเป็นหัวหน้าคณะ ปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน มีอำนาจควบคุมกองทัพอย่างเบ็ดเสร็จ นายทหารที่เป็นชาวมุสลิมจึงได้รับการโปรโมทเลื่อนตำแหน่งกันขนานใหญ่ และขณะนี้กำลังมีการวางแผนลับสืบทอดอำนาจระยะยาวเปลี่ยนกองทัพ ไทยให้เป็นกองทัพมุสลิม
โดยพลเอกสนธิ ผบ.ทบ.ซึ่งมีอำนาจเด็ดขาดในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับพันเอกพิเศษลงไป ได้วางตัวนายทหารมุสลิมเตรียมไว้แล้ว และเมื่อถึงจังหวะเหมาะก็จะเซ็นแต่งตั้งนายทหารมุสลิมเหล่านี้เข้ามาเป็น ผู้บังคับการกรม ผู้บังคับกองพันที่สำคัญกุมจุดยุทธศาสตร์ อาทิ กรมทหารราบที่ ๑ รักษาพระองค์ มีกำลังทหาร ๘,๐๐๐ นาย กรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์มีกำลัง ๖,๐๐๐ นาย กรมทหารราบที่ ๓๑ มีกำลัง ๑๐,๐๐๐ นาย กรมทหารราบที่ ๒๑ และหน่วยกำลังสำคัญในกองพลทหารม้าที่ ๒ สนามเป้า เป็นต้น
นายทหารมุสลิมเหล่านี้จะจงรักภักดีและเชื่อฟังพลเอกสนธิยิ่งกว่าผู้บังคับ บัญชาตามลำดับชั้นของตน ดังนั้น ผู้บังคับการกรมมุสลิมเพียง ๑๐ – ๒๐ กรม คุมกำลังทหารประมาณ ๕๐,๐๐๐ – ๑๐๐,๐๐๐ นาย จะทำให้ดุลอำนาจในกองทัพเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แม้พลเอกสนธิจะเกษียณอายุจากตำแหน่งผบ.ทบ. เข้าไปรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็จะสามารถควบคุมกองทัพได้เช่นเดิม ผ่านนายทหารมุสลิมเหล่านี้ และสามารถขยายการควบคุมออกไปจนเปลี่ยนกองทัพไทยเป็นกองทัพมุสลิมทั้งหมด
เพราะแม้ทหารส่วนใหญ่เป็นพุทธ แต่เมื่อผู้บังคับบัญชาเป็นมุสลิม ทุก คนก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ดังที่เคยเกิดในประเทศเวียดนามมาแล้ว ที่แม้ประชาชนเป็นพุทธกว่า ๙๐% แต่ประธานาธิบดีเหงียนเกากี เป็นคริสต์ และตั้งทหารคริสต์คุมกองทัพ คุมกระทรวงมหาดไทย และปราบปรามกดขี่ชาวพุทธอย่างรุนแรง จนพระภิกษุต้องประท้วงโดยการเผาตัวตาย และเวียดนามต้องสิ้นชาติในที่สุด
๓. เข้ายึดกุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน
เมื่อพลเอกสนธิปฏิวัติเสร็จ ได้ตั้งพลเอกสุรยุทธ์ เป็นนายกฯ ขัดตาทัพก่อน เพราะบารมีของตนในขณะนั้นยังไม่เพียงพอ จากนั้นเร่งสร้างฐานอำนาจทั้งในกองทัพ องค์กรอิสระ และวงการเมืองอย่างเต็มที่ เมื่อพร้อมก็กดดันอย่างหนักให้พลเอกสุรยุทธ์ลาออก เพื่อตนจะได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเอง จัดตั้งรัฐบาลมุสลิมชุดแรกในประวัติศาสตร์ ปกครองประเทศไทยต่อไป
ข้าราชการคนไหนเป็นชาวมุสลิม หรือเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม ก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว นักธุรกิจคนไหนเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามก็จะได้รับความสะดวก ได้การสนับสนุนจากรัฐ การเป็นชาวมุสลิมเป็นสิ่งมีเกียรติ ใครเป็นชาวพุทธ เป็นเรื่องต่ำ ต้อย ถูกดูถูกเหยียดหยาม วัฒนธรรมชาวมุสลิมจะได้รับการส่งเสริมเผยแพร่ตามสื่อมวลชนทุกแขนง และผ่านระบบการศึกษา สังคมไทยจะถูกดูดกลืนปรับเปลี่ยนเป็นสังคมมุสลิม สอดประสานกับการเปลี่ยนสถาบันกษัตริย์ให้เป็นกษัตริย์มุสลิม
๔. สร้างรัฐอิสลามซ้อนขึ้นในรัฐไทยและขยายตัวกลืนรัฐไทยทั้งหมดให้กลายเป็นสาธารณรัฐอิสลาม
ขณะนี้คณะกรรมาธิการการศึกษา ศาสนาฯ สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ร่างพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรอิสลามเรียบร้อยแล้วเตรียมเสนอเข้าพิจารณาใน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และจะออกมามีผลบังคับใช้ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๐ นี้ พ.ร.บ.กลืนชาติไทยฉบับนี้ เป็นการแก้ไขจากฉบับปี ๒๕๔๐ และมีการหมกเม็ดสาระสำคัญที่จะพลิกฟ้า คว่ำแผ่นดินไทยทั้งมวล ๓ ประเด็นหลัก คือ
๔.๑ มาตรา ๘ “จุฬาราชมนตรีมีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นต่อทางราชการเกี่ยว กับศาสนาอิสลาม” ที่ร้ายกาจอย่างยิ่งยวดก็คือ ได้เพิ่มข้อความในวรรคท้ายว่า คำปรึกษา ความเห็น และข้อวินิจฉัยของจุฬาราชมนตรีตามความในวรรคหนึ่งให้เป็นที่สุด ส่วนราชการและมุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติตาม”
นี่ไม่ใช่คำปรึกษาหรือความเห็นแล้ว แต่มันคือคำประกาศิตที่เป็นที่สุดใครจะโต้แย้งใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น และบังคับให้ส่วนราชการไทย คือ ทั้งศาล อำนาจบริหาร และนิติบัญญัติ จะต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อแม้
ดังนั้นจุฬาราชมนตรี ก็จะกลายเป็นเจ้าชีวิตของมุสลิมทุกคน และบังคับรัฐไทยจะต้องปฏิบัติตามคำประกาศิตของจุฬาราชมนตรีในทุกเรื่องที่ เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ซึ่งจะตีความให้กว้างเชื่อมโยงไปมากเท่าใดก็ได้ รัฐไทยก็จะเปรียบเสมือนเป็นอาณานิคมของรัฐอิสลามที่เกิดซ้อนขึ้นมาในรัฐไทยนั่นเอง
๔.๒ มาตรา ๑๓ เมื่อเห็นสมควร กระทรวงศึกษาธิการอาจจัดตั้ง “อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย และอิสลามวิทยาลัยประจำจังหวัด”ขึ้น เพื่อให้การศึกษาและอบรมทางวิชาการศาสนา วิชาการทั่วไป และวิชาชีพได้
เพียงแค่โรงเรียนปอเนาะ ตาดีกา ที่เป็นแหล่งเพาะผู้ก่อการร้ายในปัจจุบัน เราก็รับมือกันแทบไม่ไหวอยู่แล้ว นี่จะขยายขึ้นมาถึงระดับเป็นอิสลามวิทยาลัยและจะตั้งทุกจังหวัด ถามว่า ทั้งผู้เรียน ทั้งครู เป็นม ุสลิมทั้งหมด แล้วใครจะเข้าไปตรวจสอบการเรียนการสอนการอบรมในอิสลามวิทยาลัยเหล่านี้ มีอะไรเป็นหลักประกันว่า อิสลามวิทยาลัยนี่จะไม่กลายเป็นสถาบันบ่มเพาะมุสลิมหัวรุนแรงอย่างถูกต้อง ตามกฎหมาย สามารถให้ปริญญาตรี โท เอก โดยดูดเอาทรัพยากรจากภาษีอากรของชาวพุทธไปหล่อเลี้ยง
๔.๓ มาตรา ๒๙ ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นเกี่ยวกับกิจการศาสนาอิสลามต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และส่วนราชการภายในจังหวัด ฉบับเดิมเมื่อปี ๒๕๔๐ ระบุเพียงให้คำปรึกษาต่อผู้ว่าฯ เท่านั้น แต่ฉบับใหม่นี้ เพิ่มว่า “และส่วนราชการภายในจังหวัดด้วย นั่นคือ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด สามารถเข้าไปแทรกแซงสั่งการการทำงานของทุกส่วนราชการในจังหวัด ทั้งองค์กรปกครองท้องถิ่นและหน่วยราชการต่างๆ ได้ทั้งหมด
ถ้าสั่งแล้วใครไม่เชื่อก็บอกจุฬาราชมนตรีประกาศิตลงมาบังคับได้ทันที คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดจะทำหน้าที่ชี้นำ ดำเนินการกลืนสังคมไทยให้กลายเป็นสังคมมุสลิมอย่างรวดเร็ว ครอบคลุม เป็นระบบ
เราจะเห็นการเตรียมการวางแผนเรื่องนี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่พลเอกสนธิ แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๙ โดยสมาชิกในส่วนตัวแทนทางศาสนาจำนวน ๑๑ คน มีรายนามดังนี้
๑. นายกีรติ บุญเจือ (คริสต์)
๒. นายวรเดช อมรวรพิพัฒน์ (พุทธ)
๓. นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก &nbs
p; (พุทธ)
๔. นายวินัย สะมะอุน (อิสลาม)
๕. นายแว ดือ ราแม มะมิงจิ (อิสลาม)
๖. นายดำรง สุมาลยศักดิ์ (อิสลาม)
๗. นายแวมาฮาดี แวดาโอะ (อิสลาม)
๘. นายอับดุลเราะแม เจะแซ&am p;nb sp; (อิสลาม)
๙. นายอับดุล รอซัค อาลี (อิสลาม)
๑๐. นายอิสมาแอล อาลี (อิสลาม)
๑๑. นายอิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา (อิสลาม)
ในประเทศไทยที่ประชากรร้อยละ ๙๔ เป็นพุทธ มีมุสลิมอยู่เพียงร้อยละ ๕ แต่พลเอกสนธิ กล้าที่จะแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่เป็นตัวแทนศาสนาเป็นชาวพุทธเพียง ๒ คน แต่เป็นชาวมุสลิมถึง ๘ คน นี่คือการไม่เป็นหัวชาวพุทธเลย และเป็นการเตรียมคนไว้รองรับการออกพระราชบัญญัติฉบับ “กลืนชาติไทย” นี้นี่เอง
พี่น้องชาวไทยทุกท่าน ท่านจะนั่งเงียบเฉยมองดูประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ล่มสลายลงไปต่อหน้าต่อตา หรือจะลุกขึ้นมาสู้ ช่วยกันปกปักรักษาประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราไว้
ทหารหาญแห่งกองทัพไทยทุกท่าน ท่านตอบตัวเองได้หรือยังว่า ท่านเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือเป็นทหารของผู้ นำมุสลิม ท่านจะยอมตนลงเป็นทาส หรือจะปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยชีวิตตามคำสัตย์ปฏิญาณ
ขณะนี้ประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเรากำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตที่ร้ายแรง ที่สุด เหมือนยืนอยู่ที่ปากเหวแห่งความล่มสลาย แต่ถ้าพี่น้องชาวไทยทุกหมู่เหล่าร่วมรวมพลังไม่เพิกเฉยดูดาย ก็ไม่เหลือวิสัยที่จะกอบกู้แก้ไขสถานการณ์ร้ายนี้
“ชะตาของชาติไทยอยู่ที่การตัดสินใจสู้ของท่าน”
(โปรดช่วยกันทำสำเนาส่งข่าวนี้ให้รู้โดยทั่วกันให้กว้างขวางที่สุด)
ข้อมูลจาก http://www.dek-d.com/board/view/859910/
๑. วางแผนยึดสถาบันพระมหากษัตริย์เปลี่ยนให้เป็นกษัตริย์มุสลิม
ได้มีการส่งลูกสาวของแกนนำ มุส ลิมระดับสูงซึ่งมีตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งมี
หน้า ตาดีเข้าไปถวายตัวกับ"เจี่ย" เรียบร้อยแล้ว ถ้ามีลูกเมื่อใด พระราชวงศ์ทุกพระองค์ที่มีศักดิ์สูงกว่าจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต และเด็กคนนี้จะถูกอบรมเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นเป็นกษัตริย์มุสลิมที่เคร่งครัด แม้จะบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ แต่เมื่อองค์กษัตริย์เป็นชาวมุสลิมทั้งตัวและหัวใจแล้ว การจะแก้เรื่องนี้ก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก และเมื่อยึดสถา
บันพระมหากษัตริย์ได้ การจะเปลี่ยนประเทศไทยให้กลายเป็นประเทศมุสลิมก็ทำได้ง่ายเหมือนที่เคยเกิด ขึ้นมาแล้วในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเคยเป็นเมืองพุทธมาก่อน
๒. วางแผนเปลี่ยนกองทัพไทยให้เป็นกองทัพมุสลิม
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ทหารมุสลิมขึ้นมาเป็นผบ.ทบ.และเป็นหัวหน้าคณะ ปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน มีอำนาจควบคุมกองทัพอย่างเบ็ดเสร็จ นายทหารที่เป็นชาวมุสลิมจึงได้รับการโปรโมทเลื่อนตำแหน่งกันขนานใหญ่ และขณะนี้กำลังมีการวางแผนลับสืบทอดอำนาจระยะยาวเปลี่ยนกองทัพ ไทยให้เป็นกองทัพมุสลิม
โดยพลเอกสนธิ ผบ.ทบ.ซึ่งมีอำนาจเด็ดขาดในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับพันเอกพิเศษลงไป ได้วางตัวนายทหารมุสลิมเตรียมไว้แล้ว และเมื่อถึงจังหวะเหมาะก็จะเซ็นแต่งตั้งนายทหารมุสลิมเหล่านี้เข้ามาเป็น ผู้บังคับการกรม ผู้บังคับกองพันที่สำคัญกุมจุดยุทธศาสตร์ อาทิ กรมทหารราบที่ ๑ รักษาพระองค์ มีกำลังทหาร ๘,๐๐๐ นาย กรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์มีกำลัง ๖,๐๐๐ นาย กรมทหารราบที่ ๓๑ มีกำลัง ๑๐,๐๐๐ นาย กรมทหารราบที่ ๒๑ และหน่วยกำลังสำคัญในกองพลทหารม้าที่ ๒ สนามเป้า เป็นต้น
นายทหารมุสลิมเหล่านี้จะจงรักภักดีและเชื่อฟังพลเอกสนธิยิ่งกว่าผู้บังคับ บัญชาตามลำดับชั้นของตน ดังนั้น ผู้บังคับการกรมมุสลิมเพียง ๑๐ – ๒๐ กรม คุมกำลังทหารประมาณ ๕๐,๐๐๐ – ๑๐๐,๐๐๐ นาย จะทำให้ดุลอำนาจในกองทัพเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แม้พลเอกสนธิจะเกษียณอายุจากตำแหน่งผบ.ทบ. เข้าไปรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็จะสามารถควบคุมกองทัพได้เช่นเดิม ผ่านนายทหารมุสลิมเหล่านี้ และสามารถขยายการควบคุมออกไปจนเปลี่ยนกองทัพไทยเป็นกองทัพมุสลิมทั้งหมด
เพราะแม้ทหารส่วนใหญ่เป็นพุทธ แต่เมื่อผู้บังคับบัญชาเป็นมุสลิม ทุก คนก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ดังที่เคยเกิดในประเทศเวียดนามมาแล้ว ที่แม้ประชาชนเป็นพุทธกว่า ๙๐% แต่ประธานาธิบดีเหงียนเกากี เป็นคริสต์ และตั้งทหารคริสต์คุมกองทัพ คุมกระทรวงมหาดไทย และปราบปรามกดขี่ชาวพุทธอย่างรุนแรง จนพระภิกษุต้องประท้วงโดยการเผาตัวตาย และเวียดนามต้องสิ้นชาติในที่สุด
๓. เข้ายึดกุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน
เมื่อพลเอกสนธิปฏิวัติเสร็จ ได้ตั้งพลเอกสุรยุทธ์ เป็นนายกฯ ขัดตาทัพก่อน เพราะบารมีของตนในขณะนั้นยังไม่เพียงพอ จากนั้นเร่งสร้างฐานอำนาจทั้งในกองทัพ องค์กรอิสระ และวงการเมืองอย่างเต็มที่ เมื่อพร้อมก็กดดันอย่างหนักให้พลเอกสุรยุทธ์ลาออก เพื่อตนจะได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเอง จัดตั้งรัฐบาลมุสลิมชุดแรกในประวัติศาสตร์ ปกครองประเทศไทยต่อไป
ข้าราชการคนไหนเป็นชาวมุสลิม หรือเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม ก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว นักธุรกิจคนไหนเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามก็จะได้รับความสะดวก ได้การสนับสนุนจากรัฐ การเป็นชาวมุสลิมเป็นสิ่งมีเกียรติ ใครเป็นชาวพุทธ เป็นเรื่องต่ำ ต้อย ถูกดูถูกเหยียดหยาม วัฒนธรรมชาวมุสลิมจะได้รับการส่งเสริมเผยแพร่ตามสื่อมวลชนทุกแขนง และผ่านระบบการศึกษา สังคมไทยจะถูกดูดกลืนปรับเปลี่ยนเป็นสังคมมุสลิม สอดประสานกับการเปลี่ยนสถาบันกษัตริย์ให้เป็นกษัตริย์มุสลิม
๔. สร้างรัฐอิสลามซ้อนขึ้นในรัฐไทยและขยายตัวกลืนรัฐไทยทั้งหมดให้กลายเป็นสาธารณรัฐอิสลาม
ขณะนี้คณะกรรมาธิการการศึกษา ศาสนาฯ สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ร่างพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรอิสลามเรียบร้อยแล้วเตรียมเสนอเข้าพิจารณาใน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และจะออกมามีผลบังคับใช้ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๐ นี้ พ.ร.บ.กลืนชาติไทยฉบับนี้ เป็นการแก้ไขจากฉบับปี ๒๕๔๐ และมีการหมกเม็ดสาระสำคัญที่จะพลิกฟ้า คว่ำแผ่นดินไทยทั้งมวล ๓ ประเด็นหลัก คือ
๔.๑ มาตรา ๘ “จุฬาราชมนตรีมีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นต่อทางราชการเกี่ยว กับศาสนาอิสลาม” ที่ร้ายกาจอย่างยิ่งยวดก็คือ ได้เพิ่มข้อความในวรรคท้ายว่า คำปรึกษา ความเห็น และข้อวินิจฉัยของจุฬาราชมนตรีตามความในวรรคหนึ่งให้เป็นที่สุด ส่วนราชการและมุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติตาม”
นี่ไม่ใช่คำปรึกษาหรือความเห็นแล้ว แต่มันคือคำประกาศิตที่เป็นที่สุดใครจะโต้แย้งใดๆ ไม่ได้ทั้งสิ้น และบังคับให้ส่วนราชการไทย คือ ทั้งศาล อำนาจบริหาร และนิติบัญญัติ จะต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อแม้
ดังนั้นจุฬาราชมนตรี ก็จะกลายเป็นเจ้าชีวิตของมุสลิมทุกคน และบังคับรัฐไทยจะต้องปฏิบัติตามคำประกาศิตของจุฬาราชมนตรีในทุกเรื่องที่ เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ซึ่งจะตีความให้กว้างเชื่อมโยงไปมากเท่าใดก็ได้ รัฐไทยก็จะเปรียบเสมือนเป็นอาณานิคมของรัฐอิสลามที่เกิดซ้อนขึ้นมาในรัฐไทยนั่นเอง
๔.๒ มาตรา ๑๓ เมื่อเห็นสมควร กระทรวงศึกษาธิการอาจจัดตั้ง “อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย และอิสลามวิทยาลัยประจำจังหวัด”ขึ้น เพื่อให้การศึกษาและอบรมทางวิชาการศาสนา วิชาการทั่วไป และวิชาชีพได้
เพียงแค่โรงเรียนปอเนาะ ตาดีกา ที่เป็นแหล่งเพาะผู้ก่อการร้ายในปัจจุบัน เราก็รับมือกันแทบไม่ไหวอยู่แล้ว นี่จะขยายขึ้นมาถึงระดับเป็นอิสลามวิทยาลัยและจะตั้งทุกจังหวัด ถามว่า ทั้งผู้เรียน ทั้งครู เป็นม ุสลิมทั้งหมด แล้วใครจะเข้าไปตรวจสอบการเรียนการสอนการอบรมในอิสลามวิทยาลัยเหล่านี้ มีอะไรเป็นหลักประกันว่า อิสลามวิทยาลัยนี่จะไม่กลายเป็นสถาบันบ่มเพาะมุสลิมหัวรุนแรงอย่างถูกต้อง ตามกฎหมาย สามารถให้ปริญญาตรี โท เอก โดยดูดเอาทรัพยากรจากภาษีอากรของชาวพุทธไปหล่อเลี้ยง
๔.๓ มาตรา ๒๙ ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นเกี่ยวกับกิจการศาสนาอิสลามต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และส่วนราชการภายในจังหวัด ฉบับเดิมเมื่อปี ๒๕๔๐ ระบุเพียงให้คำปรึกษาต่อผู้ว่าฯ เท่านั้น แต่ฉบับใหม่นี้ เพิ่มว่า “และส่วนราชการภายในจังหวัดด้วย นั่นคือ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด สามารถเข้าไปแทรกแซงสั่งการการทำงานของทุกส่วนราชการในจังหวัด ทั้งองค์กรปกครองท้องถิ่นและหน่วยราชการต่างๆ ได้ทั้งหมด
ถ้าสั่งแล้วใครไม่เชื่อก็บอกจุฬาราชมนตรีประกาศิตลงมาบังคับได้ทันที คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดจะทำหน้าที่ชี้นำ ดำเนินการกลืนสังคมไทยให้กลายเป็นสังคมมุสลิมอย่างรวดเร็ว ครอบคลุม เป็นระบบ
เราจะเห็นการเตรียมการวางแผนเรื่องนี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่พลเอกสนธิ แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๙ โดยสมาชิกในส่วนตัวแทนทางศาสนาจำนวน ๑๑ คน มีรายนามดังนี้
๑. นายกีรติ บุญเจือ (คริสต์)
๒. นายวรเดช อมรวรพิพัฒน์ (พุทธ)
๓. นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก &nbs
p; (พุทธ)
๔. นายวินัย สะมะอุน (อิสลาม)
๕. นายแว ดือ ราแม มะมิงจิ (อิสลาม)
๖. นายดำรง สุมาลยศักดิ์ (อิสลาม)
๗. นายแวมาฮาดี แวดาโอะ (อิสลาม)
๘. นายอับดุลเราะแม เจะแซ&am p;nb sp; (อิสลาม)
๙. นายอับดุล รอซัค อาลี (อิสลาม)
๑๐. นายอิสมาแอล อาลี (อิสลาม)
๑๑. นายอิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา (อิสลาม)
ในประเทศไทยที่ประชากรร้อยละ ๙๔ เป็นพุทธ มีมุสลิมอยู่เพียงร้อยละ ๕ แต่พลเอกสนธิ กล้าที่จะแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่เป็นตัวแทนศาสนาเป็นชาวพุทธเพียง ๒ คน แต่เป็นชาวมุสลิมถึง ๘ คน นี่คือการไม่เป็นหัวชาวพุทธเลย และเป็นการเตรียมคนไว้รองรับการออกพระราชบัญญัติฉบับ “กลืนชาติไทย” นี้นี่เอง
พี่น้องชาวไทยทุกท่าน ท่านจะนั่งเงียบเฉยมองดูประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ล่มสลายลงไปต่อหน้าต่อตา หรือจะลุกขึ้นมาสู้ ช่วยกันปกปักรักษาประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราไว้
ทหารหาญแห่งกองทัพไทยทุกท่าน ท่านตอบตัวเองได้หรือยังว่า ท่านเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือเป็นทหารของผู้ นำมุสลิม ท่านจะยอมตนลงเป็นทาส หรือจะปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยชีวิตตามคำสัตย์ปฏิญาณ
ขณะนี้ประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเรากำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตที่ร้ายแรง ที่สุด เหมือนยืนอยู่ที่ปากเหวแห่งความล่มสลาย แต่ถ้าพี่น้องชาวไทยทุกหมู่เหล่าร่วมรวมพลังไม่เพิกเฉยดูดาย ก็ไม่เหลือวิสัยที่จะกอบกู้แก้ไขสถานการณ์ร้ายนี้
“ชะตาของชาติไทยอยู่ที่การตัดสินใจสู้ของท่าน”
(โปรดช่วยกันทำสำเนาส่งข่าวนี้ให้รู้โดยทั่วกันให้กว้างขวางที่สุด)
ข้อมูลจาก http://www.dek-d.com/board/view/859910/
ประเทศศรีลังกา ต่อต้านอิสลาม
ประเทศศรีลังกา มีการต่อต้านอิสลามในช่วงปี 2013
เกี่ยวกับอาหารฮาลาล ตราสัญญาลักษณ์ และการสร้างมัสยิด เมื่อมีหลักการเหตุผล ตามหลักอริยธรรมแล้ว รัฐบาลศรีลังกา ประกาศยกเลิกการสร้างโรงงาน อาหารฮาลาล ยกเลิกตราสัญญาลักษณ์อิสลาม และห้ามสร้างมัสยิด
ข่าวการชุมนุมต่อต้านมุสลิมดังกล่าว ของพระภิกษุและชาวพุทธศรีลังกาอย่างสงบไม่มีอาวุธ
แต่กลุ่มมุสลิมกับสร้างความวุ่นวายใช้ก้อนหินขว้างปาใส่กลุ่มผู้ชุมนุมจึงเกิดความวุ่นวาย ตำรวจที่เป็นมุสลิมไม่ได้จับกุมดำเนินคดี ของกลุ่มมุสลิม จึงถูกรัฐบาลเรียกตัวดำเนินคดีกับนายตำรวจที่ปล่อยให้มีการขว้างปาก้อนหินใส่ผู้ชุมนุม
จะเห็นได้ว่าศาสนาอิสลาม นั้นป็นภัยคุกคามต่อพุทธศาสนาทั้งในศรีลังกา และอีกหลายๆ ประเทศ เช่น อัฟกานิสถาน ปากีสถาน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ที่ในอดีตเคยเป็นประเทศแห่งพุทธศาสนามาก่อน แต่โดนศาสนาอิสลาม "กลืนชาติ" ดังที่ปรากฎแก่สายตาโลกในปัจจุบัน
วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559
การโอนกิจกรรมการทำพิธีฮัจย์ของศาสนาอิสลาม
การโอนกิจกรรมการทำพิธีฮัจย์ของศาสนาอิสลาม ไปอยู่กรมการปกครอง (ย้ายจากกรมการศาสนา)
เป็นการรุกคืบอีกก้าวของศาสนาอิสลาม ที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างมากสำหรับชาวพุทธ เพราะจะมีการขยายผลตามมาอีกมากมาย คือ
๑. จะเกิดหน่วยงานระดับ กรม/กอง เกิดขึ้นในกระทรวงมหาดไทย และจะมีพนักงานเจ้าหน้าที่มุสลิมเกิดขึ้นจำนวนมาก
๒. งบประมาณจะถูกเทกระจาดมาลงที่หน่วยงานนี้จำนวนมหาศาล
๓. เป็นการขยายอิทธิพลของศาสนาอิสลาม อย่างเป็นระบบ และถูกกฎหมาย และมีหน่วยงาน เป็นที่อิงอาศัยอย่างสมบูรณ์
๔. ผลพวงด้านอื่น ๆ จะมีการเชื่อมโยงได้ง่ายภายในกระทรวงมหาดไทย เช่น การเชื่อมโยงกับหน่วยงาน การปกครองท้องถิ่น
แผนการลงไปสู่ชุมชนด้านอื่น ๆ ที่ยังจ่อค้างไว้ ได้แก่ ธนาคารมุสลิม จะได้เข้าควบ ธกส.ต่อไป รอวันขยับมาตรการหรือกลยุทธในการขยายศาสนาในอนาคต
ขณะเดียวกันชาวพุทธที่มีตำแหน่งหน้าที่ในการบริหารบ้านเมือง ก็ยังไม่รู้สึกหนาวร้อนอะไรเลย พระสงฆ์เองก็คงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะมีข้อจำกัด หลายประการ
อย่างไรก็ตามก็คงหวังพึ่งชาวพุทธบางส่วนที่แม้ไม่ค่อยมีตำแหน่งสำคัญ แต่มีหัวใจสำคัญ คอยค้ำยันในอนาคต
ข่าวสำคัญเช่นนี้ เราชาวพุทธ ควรต้องทราบ และส่งข่าวให้ชาวพุทธ ได้รับรู้ทั้งประเทศ โดยเฉพาะองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
เป็นการรุกคืบอีกก้าวของศาสนาอิสลาม ที่น่าเป็นห่วงเป็นอย่างมากสำหรับชาวพุทธ เพราะจะมีการขยายผลตามมาอีกมากมาย คือ
๑. จะเกิดหน่วยงานระดับ กรม/กอง เกิดขึ้นในกระทรวงมหาดไทย และจะมีพนักงานเจ้าหน้าที่มุสลิมเกิดขึ้นจำนวนมาก
๒. งบประมาณจะถูกเทกระจาดมาลงที่หน่วยงานนี้จำนวนมหาศาล
๓. เป็นการขยายอิทธิพลของศาสนาอิสลาม อย่างเป็นระบบ และถูกกฎหมาย และมีหน่วยงาน เป็นที่อิงอาศัยอย่างสมบูรณ์
๔. ผลพวงด้านอื่น ๆ จะมีการเชื่อมโยงได้ง่ายภายในกระทรวงมหาดไทย เช่น การเชื่อมโยงกับหน่วยงาน การปกครองท้องถิ่น
แผนการลงไปสู่ชุมชนด้านอื่น ๆ ที่ยังจ่อค้างไว้ ได้แก่ ธนาคารมุสลิม จะได้เข้าควบ ธกส.ต่อไป รอวันขยับมาตรการหรือกลยุทธในการขยายศาสนาในอนาคต
ขณะเดียวกันชาวพุทธที่มีตำแหน่งหน้าที่ในการบริหารบ้านเมือง ก็ยังไม่รู้สึกหนาวร้อนอะไรเลย พระสงฆ์เองก็คงทำอะไรไม่ได้มาก เพราะมีข้อจำกัด หลายประการ
อย่างไรก็ตามก็คงหวังพึ่งชาวพุทธบางส่วนที่แม้ไม่ค่อยมีตำแหน่งสำคัญ แต่มีหัวใจสำคัญ คอยค้ำยันในอนาคต
ข่าวสำคัญเช่นนี้ เราชาวพุทธ ควรต้องทราบ และส่งข่าวให้ชาวพุทธ ได้รับรู้ทั้งประเทศ โดยเฉพาะองค์กรพิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559
แถลงด่วน "นพ.มโน เลาหวณิช" ไม่ใช่ "แพทย์" รพ.กรุงเทพ
รพ.กรุงเทพ แถลงด่วน "นพ.มโน เลาหวณิช" ไม่ใช่ "แพทย์" ของโรงพยาบาล « on: Today 14-03-2016 at 04:20:02 AM »
เฮ้ยยยยย สรุปที่พูดมาทั้งหมด "ลวงโลกเหรอ?"
รพ.กรุงเทพ แถลงด่วน "นพ.มโน เลาหวนิช" ไม่ใช่ "แพทย์" ของโรงพยาบาล แต่กลับใส่ชุดแพทย์ ไปนั่งให้สัมภาษณ์ในห้องตรวจโรคและ จนท. โรงพยาบาลบอกสื่อมวลชนว่าว่า
"นายแพทย์มโนไม่ใช่หมอ แต่ว่าเป็นคนไข้"
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม จากการเข้าไปตรวจสอบในเว็บไซต์ของโรงพยาบาลกรุงเทพ ผ่าน URL : https://www.bangkokhospital.com/th/centers-and-clinics/… ปรากฎว่าไม่พบชื่อของ นพ.มโน เลาหวณิช เป็นแพทย์ของทางโรงพยาบาลแต่อย่างใด
เฮ้ยยยยย สรุปที่พูดมาทั้งหมด "ลวงโลกเหรอ?"
รพ.กรุงเทพ แถลงด่วน "นพ.มโน เลาหวนิช" ไม่ใช่ "แพทย์" ของโรงพยาบาล แต่กลับใส่ชุดแพทย์ ไปนั่งให้สัมภาษณ์ในห้องตรวจโรคและ จนท. โรงพยาบาลบอกสื่อมวลชนว่าว่า
"นายแพทย์มโนไม่ใช่หมอ แต่ว่าเป็นคนไข้"
6 มี.ค. 58 สืบเนื่องจากกรณี นายยุคล วิเศษสังข์ ผู้ดำเนินรายการเปิดประเด็นร้อน และนายธราวุฒิ ฤทธิอักษร ผู้ประกาศและผู้ดำเนินรายการคุยนอกข่าว ของสำนักข่าวทีนิวส์ ถูกเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกรุงเทพกักตัวและขอให้ลบเทปสัมภาษณ์ หลังไปสัมภาษณ์ นพ.มโน เลาหวณิช อดีตพระวัดพระธรรมกาย เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด โรงพยาบาลกรุงเทพ ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า สาเหตุที่ต้องขอให้สำนักข่าวทีนิวส์ลบภาพการสัมภาษณ์ นพ.มโน นั้น เพราะนพ.มโน แต่งกายเป็นแพทย์ นัดนักข่าวมาให้สัมภาษณ์ที่ รพ.กรุงเทพ ทั้งที่ไม่ใช่แพทย์ของ รพ.กรุงเทพ โดยใช้สถานที่ห้องตรวจ และนั่งบนเก้าอี้แพทย์ด้วย ทาง รพ.จึงกังวลว่า ถ้าภาพถูกเผยแพร่ออกไป จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสังคม ว่า รพ.กรุงเทพ มีส่วนสนับสนุนการให้สัมภาษณ์นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า แถลงการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับคำบอกเล่าของ นายยุคล ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ "ทีนิวส์ สด.ลึก.จริง" ช่วงหนึ่งว่า หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลบอกกับทางทีมงานว่า "นายแพทย์มโนไม่ใช่หมอ แต่ว่าเป็นคนไข้" ซึ่งทำให้ทางทีมงานแปลกใจมาก เพราะจากพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่พยาบาลที่มาต้อนรับทีมงาน และจัดสถานที่ให้ ทั้งยังเรียกนายแพทย์มโนว่า "คุณหมอ" ในตอนแรกนั้น ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการตรวจสอบต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม จากการเข้าไปตรวจสอบในเว็บไซต์ของโรงพยาบาลกรุงเทพ ผ่าน URL : https://www.bangkokhospital.com/th/centers-and-clinics/… ปรากฎว่าไม่พบชื่อของ นพ.มโน เลาหวณิช เป็นแพทย์ของทางโรงพยาบาลแต่อย่างใด
เรื่องของคุณมโน ที่หายไปจากสารระบบ
เรื่องนายมโนตอนออกจากวัดพระธรรมกายเป็นที่หายไปจากสารบบ คือ ทำไมถึงออกจากวัดพระธรรมกาย ในกลางพรรษาปี 2537พระมโน (ในขณะนั้น) กำลังทำเรื่องนายรูดี้ที่ฆ่าพระในอเมริกา เรี่ยรายจากโยมหลายสิบล้าน เรื่องนี้มีคนพูดมากแล้ว ขอยกไว้ แต่จุดที่ออกจากวัดไม่เคยมีใครพูดถึงคือ พระมโน มาขอหลวงพ่อรองเจ้าอาวาสไปประชุมที่อียิปต์ ในรายการที่ไม่เกี่ยวอะไรกับการเผยแผ่พุทธศาสนาจากกำหนดการจะต้องขาดพรรษา.
อย่างที่ทราบกันพระมโนตั้งแต่วันบวช ก็ร่อนเร่ไปอยู่ต่างประเทศ ไม่คุ้นกับการทำตามวินัย จำพรรษา ซึ่งครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่พระมโนจำพรรษาที่วัดพระธรรมกาย หลังจากบวชแล้ว 13 ปี หลวงพ่อรองเจ้าอาวาสไม่อนุญาตเพราะไม่เอื้อพระวินัย ด้วยความดื้อรั้นเอาแต่ใจก็สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ครูบาอาจารย์ จะไปให้ได้ ที่สุดพระมโนได้ยื่นคำขาดว่า "ถ้าหลวงพ่อไม่ให้ไปผมก็จะขอลาออกจากวัด ?"
หลวงพ่อรองเจ้าอาวาสจึงให้กลับไปคิดให้ดีหนึ่งคืน .
พระมโนคงคิดด้วยความคิดเอาตนเป็นใหญ่ มองไม่เห็นสิ่งที่หลวงพ่อเตือนให้เอื้อเฟื้อกับพระวินัยตั้งใจจะแหกพรรษาไปเช้ารุ่งขึ้นจึงเอาจดหมายลาออกมายื่นหลวงพ่อรองเจ้าอาวาส
หลวงพ่อรองเจ้าอาวาสได้รับหน้าที่ปกครองพระสงฆ์ในปีนั้นมีประมาณ 700 รูป มีกฏระเบียบสำหรับคนหมู่ใหญ่ จึงสุดที่จะทัดทาน หลวงพ่อรองเจ้าอาวาสจึงจำใจรับการลาออกนั้น
พระมโนเมื่อออกไปแล้ว เมื่อต้องอยู่เอง กินเอง ไปได้ไม่นาน ไม่ถึงปลายปี ไปขอให้เจ้าภาพใหญ่ระดับคุณหญิงท่านหนึ่งมาขอให้หลวงพ่อรับกลับ
เป็นเรื่องที่หลวงพ่อทำได้ลำบากเพราะจะเสียการปกครอง เห็นแก่สงฆ์หมู่ใหญ่ ที่จะไม่ให้เอาแต่ใจเป็นเยี่ยงอย่าง จึงปฏิเสธ
พระมโนจึงสิ้นสุดความเป็นพระวัดพระธรรมกายด้วยประการฉะนี้
อย่ามาตีเนียนว่าเห็นความไม่ชอบมาพากลของหลวงพ่อจึงทำตัวเป็นฮีโร่ ออกมาต่อต้าน แม้เนรคุณ ฟังแล้วเสียดายอาหารที่ทานเข้าไป.
พอเถอะนายมโน คุณจะเคียดแค้น อาฆาต จองเวร หลวงพ่อไปทำไม พยายามอย่างยิ่งที่จะได้คำว่า "ศิษย์เนรคุณ คิดล้างครู" ทำไม
cr.ศิษย์วัดใหญ่ ภายในสุดๆ กว่า 30 ปี
อย่างที่ทราบกันพระมโนตั้งแต่วันบวช ก็ร่อนเร่ไปอยู่ต่างประเทศ ไม่คุ้นกับการทำตามวินัย จำพรรษา ซึ่งครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่พระมโนจำพรรษาที่วัดพระธรรมกาย หลังจากบวชแล้ว 13 ปี หลวงพ่อรองเจ้าอาวาสไม่อนุญาตเพราะไม่เอื้อพระวินัย ด้วยความดื้อรั้นเอาแต่ใจก็สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้ครูบาอาจารย์ จะไปให้ได้ ที่สุดพระมโนได้ยื่นคำขาดว่า "ถ้าหลวงพ่อไม่ให้ไปผมก็จะขอลาออกจากวัด ?"
หลวงพ่อรองเจ้าอาวาสจึงให้กลับไปคิดให้ดีหนึ่งคืน .
พระมโนคงคิดด้วยความคิดเอาตนเป็นใหญ่ มองไม่เห็นสิ่งที่หลวงพ่อเตือนให้เอื้อเฟื้อกับพระวินัยตั้งใจจะแหกพรรษาไปเช้ารุ่งขึ้นจึงเอาจดหมายลาออกมายื่นหลวงพ่อรองเจ้าอาวาส
หลวงพ่อรองเจ้าอาวาสได้รับหน้าที่ปกครองพระสงฆ์ในปีนั้นมีประมาณ 700 รูป มีกฏระเบียบสำหรับคนหมู่ใหญ่ จึงสุดที่จะทัดทาน หลวงพ่อรองเจ้าอาวาสจึงจำใจรับการลาออกนั้น
พระมโนเมื่อออกไปแล้ว เมื่อต้องอยู่เอง กินเอง ไปได้ไม่นาน ไม่ถึงปลายปี ไปขอให้เจ้าภาพใหญ่ระดับคุณหญิงท่านหนึ่งมาขอให้หลวงพ่อรับกลับ
เป็นเรื่องที่หลวงพ่อทำได้ลำบากเพราะจะเสียการปกครอง เห็นแก่สงฆ์หมู่ใหญ่ ที่จะไม่ให้เอาแต่ใจเป็นเยี่ยงอย่าง จึงปฏิเสธ
พระมโนจึงสิ้นสุดความเป็นพระวัดพระธรรมกายด้วยประการฉะนี้
อย่ามาตีเนียนว่าเห็นความไม่ชอบมาพากลของหลวงพ่อจึงทำตัวเป็นฮีโร่ ออกมาต่อต้าน แม้เนรคุณ ฟังแล้วเสียดายอาหารที่ทานเข้าไป.
พอเถอะนายมโน คุณจะเคียดแค้น อาฆาต จองเวร หลวงพ่อไปทำไม พยายามอย่างยิ่งที่จะได้คำว่า "ศิษย์เนรคุณ คิดล้างครู" ทำไม
cr.ศิษย์วัดใหญ่ ภายในสุดๆ กว่า 30 ปี
วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559
ดาวะห์สัญจรของอิสลามบุกอุบล
จะยินดีต้อนรับ หรืออุเบกขา หรือต้านไหวไหมหนอ เขารุกหนักขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะที่สงฆ์ไทยก็ถูกโจมตีหนักหน่วง ชาวพุทธคลอนแคลนในการนับถือพุทธศาสนา อตร. เข้ามาหาชาวไทยพุทธมากขึ้นเรื่อยๆ
ข่าวสาร เมื่อ ๒๙ ก.พ.๕๙ เวลา ๑๘.๐๐ น.
ปรากฏมีกลุ่มมุสลิม (ดาวะห์) และสมาชิกจำนวน ๙ คน นำโดยนายมูฮัมมัด ลำสู อายุ ๓๙ปี (หน.) จุดติดต่อ ๐๙๕-๒๖๔๘๖๕๔ เลขที่ ๑๑๔๓ ม.๒ ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล เดินทางมาเผยแพร่ศาสนาจาก อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ(ทางหลวง ๒๐๒ อรุณประเสริฐ-หนองผือ) โดยเข้าพักอาศัยที่บ้านเช่าหน้า อบต.หนองผือ ต.หนองผือ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี รายละเอียดดังนี้.-
๑.๑ รายชื่อกลุ่มฯดังนี้.-
๑.๑.๑นายมูฮัมมัด ลำสู อายุ ๓๙ปี(หน.) (เลข ปชช.๓ ๙๑๐๕ ๐๐๐๒๗ ๐๓ ๙) เลขที่ ๑๑๔๓ ม.๒ ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล(หัวหน้า)
๑.๑.๒นาย หมัดสะหรี พูลสวัสดิ์ (เลข ปชช.๕ ๙๓๐๔ ๐๐๐๒๕ ๗๓ ๙)อายุ อายุ๓๙ปี เลขที่ ๑๘๐/๒ (เลข ปช.๕ ๙๓๐๔ ๐๐๐๒๕ ๗๓ ๙)เลขที่๑๘๐/๒ ม.๑๑ ต.แม่ชรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง
๑.๑.๓นายอับดุลฮาลีม แกสมาน (เลข ปชช.๑ ๙๑๐๓ ๐๐๐๓๒ ๑๕ ๓)เลขที่๕๙/๑ ม.๔ ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง จ.สตูล
๑.๑.๔นายสมชาย ขุนอักษร(เลข ปชช.๓ ๙๑๐๓ ๐๐๑๑๓ ๒๖ ๕)เลขที่๒๐๙ ม.๒ ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง
๑.๑.๕นายธวัชชัย ฝันฝา(เลข ปชช.๑ ๙๐๑๕ ๐๐๐๔ ๐๖ ๕)เลขที่ ๙๕ ม.๒ ต.สทิงหม้อ อ.สิงหนคร จ.สงขลา
๑.๑.๖นายวิรัช หมัดสุข(เลข ปชช.๓ ๙๐๐๑ ๐๐๖๒๘ ๘๘ ๑)เลขที่๗๘ ม.๒ ต.สทิงหม้อ อ.สิงหนคร จ.สงขลา
๑.๑.๗ด.ช.ซ็อบรี ดินเตบ (เลข ปชช.๑ ๙๑๐๕ ๐๐๑๕๑ ๗๔ ๑)เลขที่๙๔ ม.๘ ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูล(๐๙๗-๙๔๖๙๒๔๓)
๑.๑.๘นายอับดุลฮาดี ไมมะหมาด จ.สงขลา
๑.๑.๙นายอุสตาส ดาแลมัน จ.สตูล
๒.ค่าของข่าว ก - ๑
๓.ข่าวสารอำนวยประโยชน์/ข้อพิจารณา
๓.๑ แผนงาน/กิจกรรมของกลุ่ม ออกเดินทางเยี่ยมเยียนมุสลิมในพื้นที่,แนะนำการทำละหมาดที่ถูกต้องเผยแพร่ศาสนา
๓.๒ การเดินทางมาดาวะห์ครั้งนี้ กลุ่มประสานมายังนายชาญชัย ปาทาน(๐๙๙-๐๒๔๖๐๐๕ โต้ะอิหม่ามมัสยิด อัลบัยตุลลาฮ์ มัสยิดกลางประจำ จ.อุบลราชธานี เรียบร้อยและได้มีหนังสือเดินทางถูกต้องและจากการประสานฯกลุ่มจะพักอาศัยที่แห่งนี้อีกสักระยะและกำลังสำรวจหาบ้านเช่าแห่งใหม่ในตัวอำเภอเมืองเขมราฐ และจะพักในพื้นที่อำเภอเขมราฐ ๒วันและจะเดินทางต่อไปที่อำเภอตระการพืชผลเพื่อเข้าในตัวจังหวัดอุบลราชธานีต่อไปและมี จนท.ตร.สภ.เขมราฐ,และจนท.ฝ่ายปกครองเขมราฐ คอยอำนวยความสะดวก/ติดตามความเคลื่อนไหว
๔.ชุดจะติดตามความเคลื่อนไหวและประสานหน่วย/ชป.ที่เกี่ยวข้องต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
แผนล้มพุทธชัดเจน
1. ในปี 2521 ดร.บุญสม มาร์ติน รมว.ศึกษาธิการ สั่งให้ตัดวิชาพระพุทธศาสนา และ วิชาศีลธรรมกับหน้าที่พลเมือง ออกไปจากหลักสูตรการศึกษาของประเทศไทย
2. ปี 2523 - 2529 ภาพข่าวนักท่องเที่ยวตะวันตก ผู้ชายขึ้นขี่คอ-ผู้หญิงนั่งตักพระพุทธรูป ดังไปทั่วโลก
3. ปี 2524 รัฐบาลเปรมฯ ออก พ.ร.บ.อิสลาม ในปี 2525 ออกกฎหมายเพื่อมุ่งให้ความคุ้มครองมุสลิมทั่วประเทศ
4. ปี 2532 รัฐบาลชาติชายฯ ขยายผลกฎหมายอิสลามอีกหลายมาตรา ทั้งให้ตัดวิชาประวัติศาสตร์ไทยออกไปจากหลักสูตรการศึกษาของประเทศไทย
5. ปี 2533 มีการสร้างคดีฉาวโฉ่พระนิกร โดยใช้ปืนจี้บังคับพระนิกร ให้ถ่ายภาพแต่งงานกับนางอร ปวีณา.. เพื่อใช้เป็นเหตุต้องแก้ พ.ร.บ.ปกครองสงฆ์ ปี๒๕๓๕ (ฉบับที่ ๒) แต่ในที่สุด ปรากฏว่า ศาลฎีกายกฟ้องพระนิกร และ มีการแพร่ภาพ “พระสงฆ์ไทย ไปทำละหมาดในมัสยิต”เป็นข่าวฉาวโฉ่อีกข่าวในปี 2533
6. ปี 2536 แต่งตั้งให้ผู้นำศาสนาอิสลาม นายอารีย์ วงศ์อารยะ เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย มีการออกกฎหมายใหม่ กำหนดให้คนไทยไม่ต้องแจ้งการนับถือศาสนาในทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน พร้อมทั้ง เชิญชวนข้าราชการมุสลิม เปลี่ยนชื่อ-สกุลให้เป็นไทย เวลาแต่งตั้งให้มีตำแหน่งสำคัญ จะไม่ต้องเป็นที่เพ่งเล็งของชาวไทยพุทธ
7. ปี 2537 สร้างคดีพระยันตระ กับนางจันทิมา แม่ ดญ.กระต่าย ลูกของเมียน้อยรัฐมนตรี ในรัฐบาลชวน 1 ถึงขั้นจับตรวจ DNA แต่มีคนช่วยพระยันตระหนีไปนอกประเทศ เพราะรู้แผนการสับเปลี่ยนเลือดกับนักการเมืองคนนั้น
8. ปี 2537-2539 ขบวนการ “นารีพิฆาต” เกิดขึ้น ทำลายศรัทธาชาวพุทธอย่างยาวนาน พระเกจิอาจารย์ ระดับนำทั่วประเทศจำนวนมาก ถูกทยอยฆ่าตายด้วยยาพิษ ปาราชิก และ กลั่นแกล้งให้เสียหายในเรื่องสตรีและสตางค์ เพื่อทำลายศาสนบุคคลระดับนำ เช่น ท่านเจ้าคุณวัดเทพฯ หลวงปู่โง่น ฯลฯที่ทำเช่นนั้นเพราะ มีแผนร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 ที่ต้องไม่มีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ แม้จะมีชาวพุทธ ลงชื่อกว่า ๒ ล้านสามแสนคน ในขณะที่นายอานันท์ฯ ขู่ว่า ถ้ายอม.. “บัญญัติให้พุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติ เลือดจะนองท้องช้าง” เพราะว่า มีผู้ไม่เห็นด้วยหกแสนคน ในที่สุดหกแสนเสียงนั้น ชนะเสียง คน 2 ล้าน 3 แสนคน??
9. ปี 2540 นายวัน มูฮะหมัดฯ รมต.ว่าการกระทรวงมหาดไทยในสมัยนั้น สั่งกำจัดพระพุทธรูปออกจากห้องประชุม และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.อิสลาม อีกหลายมาตรา เช่น จุฬาราชมนตรีมีอำนาจเหนือนายกรัฐมนตรีไทย
10. มีแผนการใช้เด็กหญิงอายุ 10-14 ปี จากแม่แจ่ม ซึ่งเป็นหมู่บ้านคริสต์มาทำลายพระภาวนาพุทโธ ด้วยหลักฐานเท็จ พยานเท็จ ศาลตัดสินจำคุกท่านภาวนาพุทโธ 150 ปี
11. ปี 2542 ประเทศไทยมีประธานกรรมาธิการศาสนาฯ ชื่อ เด่น โต๊ะมีนา เข้ามาเพื่อออกกฎหมาย “ล้วงย่ามพระ” และ “ฆราวาสปกครองพระ” ในรัฐบาลชวน
2 เพื่อควบคุมพระสงฆ์และการสร้างพุทธศาสนสถาน รวมถึง การเข้าไปบริหารพุทธศาสนสมบัติทั้งหมด และกฎหมายส่งเสริมอิสลามอีกหลายฉบับ กฎหมายเหล่านี้รอสว. ลากตั้ง ปี 51 ผ่านให้ เขาจึงต้องสร้างคดีใหญ่เรื่องธรรมกายขึ้นมา
12. การเขย่าศรัทธาชาวพุทธจึงต้องแรงสุดขีด ปี 2541-2545 จึงต้องเชือดธรรมกาย หวังโค่นล้มพุทธศาสนา ชนิดถอนรากถอนโคน โชคดีที่พระพรหมโมลีประธานพิจารณา “นิคหกรรม” ใช้เวลาเพียง 2 เดือน โดยยึดหลักธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ตัดสินคดีธรรมกายพ้นผิด นายสมศักดิ์ฯ จึงไล่ท่านออกจากกรรมการ ม.ส.
13. เท่านั้นไม่พอ ปี 2543 พระพรหมโมลี ถูกวางยาพิษมรณภาพ ขณะปฏิบัติศาสนกิจในพม่าบทความของ อ.มงคล กริชติทายาวุธ เรื่องที่ 892 กระบวนการทำลายพุทธศาสนาในประเทศไทย
14. พ.ร.บ. ปฏิรูปการศึกษา ที่คนไทยหลงดีใจว่า ลูกหลานจะฉลาดขึ้นนั้นเกิดจากน้ำมือของคริสต์-อิสลามร่วมมือกันเขียนขึ้นมา ประธาน คือ ดร. กีรติฯ (คาทอลิค) รองประธาน คือ ดร. เกษมฯ (อิสลาม) เจตนาที่แท้จริง คือ กำจัดพุทธศาสนทายาทออกไป เนื่องจากเด็กจบ ป. 6 มีโอกาสบวชยาวมากกว่าเด็กจบ ม. 3 ผ.อ.ทุกโรงเรียน ให้ความร่วมมือดี เพราะได้ประโยชน์จากตำแหน่งและงบประมาณที่เพิ่มขึ้น ตามสึกสามเณรมาเข้าโรงเรียน สามเณรจึงหายไปกว่า 90% วัดวาอารามในต่างจังหวัด จึงเหลือแต่หลวงปู่-หลวงตา คนเข้าวัดก็เหลือคุณย่า-คุณยาย ปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ต้องทำอะไร อีกไม่นานพุทธศานาก็ล้มเอง... แต่มันต้องเร่งให้เสร็จใน 10 ปี
15. ปี 2543 รัฐบาลชวน 2 ทวงหนี้ค่าสัมปทานไอทีวี 2 หมื่นล้านบาทจากนั้นเกิดคดีพระแต่งเครื่องแบบนายทหารขับเบ๊นซ์พาสาวเที่ยวและค้างคืน ที่หมู่บ้านแถวบางบัวทอง ออกข่าวทุกชั่วโมง แรมเดือน ขณะถ่ายทำละครเรื่องนี้ มีการถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมไปให้ผู้ว่าจ้างในต่างแดน จนฝ่ายข่าวทหารเปิดโปงไอทีวีเรื่องนี้จึงเงียบไป พร้อมกับที่รัฐบาลเลิกทวงหนี้ 2 หมื่นล้านบาทนั้น
16. ปี 2545 พ.ร.บ.ธนาคารอิสลาม เกิดขึ้นด้วยเงินงบประมาณแผ่นดินมากกว่า 1000 ล้านบาท การดำเนินงานขาดทุนทุกปี จนในที่สุด ต้องยุบเลิกธนาคารชาริอะห์ ของธนาคารกรุงไทย ที่มีกำไร เพราะธนาคารกรุงไทยดูแลอย่างใกล้ชิด และ ใช้งบประมาณสนับสนุนจำนวนมาก เพื่อมาควบรวมกับธนาคารอิสลามเหลือเพียงธนาคารอิสลามฯเพียงแห่งเดียวในปัจจุบัน
17. “Time” หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของโลก เปิดโปงแผน Dream State ที่อิสลามหวังยึดครองประเทศไทย โดยรุกทางการเมืองจากภาคใต้ ขยายผลให้มีการเลือกพรรคของตนใน กทม. และภาคตะวันออก โดยสนับสนุนการเงินผ่านธนาคารอิสลาม แล้วใช้ Astv ปลุกปั่นคนไทยให้ฆ่ากันเอง ได้ผลดีกว่าที่คาด
18. เมื่อ 3 ม.ค. 2547 การปล้นอาวุธจากกองทัพได้เกิดขึ้น ขบวนการล่าหัวชาวพุทธเกิดตามมาอย่างถี่ยิบ ทั้งครู ตำรวจ ทหาร ประชาชน แม้แต่พระสงฆ์สามเณร ถูกฆ่าตายรายวันอย่างทารุณ รวมทั้งชาวไทยมุสลิมที่ไม่ช่วยส่งเสริมผู้ก่อการร้าย หรือ ไม่ช่วยก่อความไม่สงบ ก็จะถูกฆ่าตายไปในคราวเดียวกันนี้ด้วย มีการก่อวินาศกรรมทุกพื้นที่ ทั้งโรงเรียนและหมู่บ้านชาวพุทธถูกเผาเป็นว่าเล่น สูญเสียงบประมาณหลายแสนล้านบาท ก็ไม่อาจแก้ปัญหาได้ แถมยังส่งเสริมฝ่ายตรงข้ามให้ฮึกเหิมยิ่งขึ้น ด้วยการปล่อยตัวผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่ และฟื้น ศอ.บต. 2
19. ในวันที่ 19 ก.ย. 2549 พลเอกสนธิฯ ซึ่งเป็นมุสลิมคนหนึ่ง ปฏิวัติยึดอำนาจ ได้ทำการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นมุสลิมจำนวน 39 จังหวัด และแต่งตั้งกรรมาธิการศาสนา 11 คน เป็นคนมุสลิม 8 คน จากกรรมาธิการศาสนาทั้งหมด 11 คน
20. การขยายมัสยิตไปทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล ที่ต้องทำให้เสร็จภายในปี 2557 จึงสามารถเร่งเวลาให้เร็วขึ้นได้ ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าเร็วเกินคาดเพราะประชาชนให้ความร่วมมือมากขึ้นในทุกภูมิภาค ทั้งกลุ่มเสื้อแดง และ เสื้อเหลือง รวมทั้ง เสื้อน้ำเงิน ก็ไม่กล้าต่อต้านพระยังถูกฆ่าตายหลังจากที่ ม.ส. ประท้วง กรณี ส.ส. รัฐบาล ขอแก้ พ.ร.บ.ปกครองสงฆ์มาตรา 29 ให้อำนาจนายอำเภอจับพระสึกได้อีกชั้นหนึ่ง เนื่องจากมีนายอำเภอมุสลิมนับร้อย พร้อมใช้อำนาจนี้แล้ว
21. กฎหมายอิสลามอีกหลายๆ ฉบับ ตบเท้าทยอยกันออกมาอย่างรวดเร็ว เช่น
- พ.ร.บ.บริหารองค์กรอิสลาม - พ.ร.บ. กิจการฮัจย์ - พ.ร.บ. อาหารฮาลาล พ.ร.บ.ปัตตานีมหานคร ที่ขยายผลมาจาก ศอ.บต. 2 รวม 5 จังหวัด ภายใต้นโยบายการปกครองพิเศษตามระบบอิสลาม
- พ.ร.บ.การเงินชุมชนในระบบอิสลาม (Islam Micro Credit)
- พ.ร.บ.ครอบครัวและมรดกระบบอิสลาม
- พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาซูรอ
- พ.ร.บ.การจัดตั้งศาลชารีอะห์ ซึ่งใช้บังคับคนไทยทุกคนที่เกิดคดีความกับมุสลิมนับเป็นการกระทำที่เตรียมยกระดับไทยขึ้นเป็นประเทศอิสลาม ถึงกับมีการตั้งชื่อประเทศ “สยามมุสลิม” ที่พร้อมประกาศใช้ในอนาคต ฯลฯ
22. เม็ดเงินหลายหมื่นล้านบาท โอนผ่านธนาคารอิสลาม เพื่อใช้ซื้อที่ดินนับล้านๆ ไร่ ในทุกภูมิภาคของไทย หลายพื้นที่กำลังเร่งรีบปลูกยางพาราและข้าวบทความของ อ.มงคล กริชติทายาวุธ เรื่องที่ 892 กระบวนการทำลายพุทธศาสนาในประเทศไทย จน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผ.อ.ดีเอสไอ ตรวจสอบพบและแถลงข่าวผ่านหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 4 ส.ค. 2552 จึงต้องถูกย้ายทันที
23. การจัดตั้งพรรคการเมืองอิสลาม จึงถูกประกาศอย่างโจ่งแจ้ง มีกรรมการบริหารพรรคที่มีชาวพุทธร่วมด้วย โดยไม่ได้ตระหนักถึงภัยที่เขามุ่งกลืนชาติไทยของตนอย่างเลือดเย็น เพียงเห็นแก่เม็ดเงินที่โอนผ่านธนาคารอิสลามเข้ามาจำนวนมาก เช่น เดียวกับพรรคการเมืองบางพรรค ถูกกล่าวหาว่า รับเงินไป แล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท??
24. ไม่เพียงนำเข้าเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเข้ามาเท่านั้น ยังมีการอพยพมุสลิมจากอาเจะ-อินโดนีเซีย จำนวนนับ 10 ล้านคน กระจายเข้าไปอยู่ทุกจังหวัดเพื่อทำตามแผนการ พ.ร.บ. การเงินชุมชนอิสลาม ที่มุสลิมเท่านั้นมีอำนาจบริหารจัดการ โดยคนไทยอาจเป็นสมาชิกได้ ภายใต้กฎกติกาของเขา ซึ่งอาจต้อง เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามในโอกาสต่อไป เราจึงเห็นมัสยิตผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ในทุกจังหวัด ด้วยเงินงบประมาณของชาวพุทธ ดังที่นายดำรง พุฒตาล นำมาแถลงในรายการโทรทัศน์
25. หลายจังหวัดที่มีผู้ว่า-นายอำเภอมุสลิม ให้ชาวมุสลิมเช่าวัดร้างนับแสนไร่ เพื่อปลูกยาง พาราได้ 30 ปี
@ในบทความเรื่องนี้ เขาถามว่า แล้วเราจะแก้ไขวิกฤตการณ์นี้ได้อย่างไร??ก็ต้องดูว่า เขาเข้ามาช่องทางไหน ก็ให้เขากลับไปทางช่องนั้น... นั่นคือ กฎหมายตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2550 ถึงกฎหมายอิสลามทุกฉบับ ที่สำคัญคือ เลิกทะเลาะกันเองเสียที? แล้วเลือกผู้นำที่ถูกต้อง ไม่ยอมให้ใครหรืออะไร มาครอบงำเราได้ง่ายๆ ถ้าไม่ทำก็ต้องเป็นทาสเขาล่ะ.. ลองศึกษาประวิติศาสตร์
ยุคพระนารายณ์
มหาราชดูเถอะ.. ท่านพัฒนาคนให้มีคุณภาพด้วยธรรมะ จากการบวช-เรียน...
อย่ามัวแต่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
ยุโรปอยู่ไม่ได้แล้ว หลายประเทศแผนการยึดครอง "แผ่นดินไทย" ภายใน 10 ปี
ของผู้ก่อการ ขจก. ย้ำ "ขจก."
เอามาเตือนให้คิดกันอีกครั้งว่ามันเกิดขึ้นไปกี่ข้อแล้ว และในต่างประเทศมีกลุ่มหัวรุ่นแรงเพิ่มขึ้นแล้วเท่าไหร่? ร่วมกันพลักดันกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงออกไปให้พ้นจากประเทศไทย
แผนการ...ต้องการโดดเดี่ยว สหรัฐอเมริกาและยุโรป ด้วยการเอาเอเชีย (ไทย-ลาว-เขมร-เวียดนาม-พม่า-และมาเลเซีย) รวมเป็นรัฐอิสลาม หรือเป็นเครือข่าย ผนวกกับอินโดนีเซียเป็นฐาน ต่อสู้อเมริกาและยุโรป โดยใช้มาเลเซียเป็นรัฐบาลกลาง โดยมุสลิมโลก นำมุสลิมจากซีเรีย ลิเบียและอาฟกานิสถาน เข้ามาฝึกอาวุธและการสื่อสาร ให้มุสลิมในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงอินโดนีเซีย(ซึ่งมีคนจนมาก) เชื่อมโยงถึงฟิลิปปินส์(ซึ่งมีคริสต์มาก) และมาเลเซีย(อิสลามเข้มแข็ง) โดยเฉพาะประเทศไทย(เพราะมีพุทธมาก)ซึ่งในปัจจุบันให้ ดร.มหาเธ แห่งมาเลเซีย เป็นผู้นำมุสลิมในภูมิภาคเอเซีย
แผนการระยะยาว
ได้เริ่มปฏิบัติการมาราว 40 ปีแล้ว โดยพยายามเพิ่มประชากรมุสลิมในประเทศไทย ด้วยวิธีของศาสนาอิสลาม คือชายอิสลามให้มีภรรยาประจำได้ 4คน (เมื่อมีลูกแล้วจะหย่าหรือเลิกไปมีภรรยาใหม่อีกก็ได้ เพื่อจะได้เร่งการมีลูกมีประชากรอิสลามได้มากและเร็วขึ้น)
จากนั้น กก.อิสลาม จะส่งเด็กไทยอิสลามไปเรียนในระดับประถมและมัธยมหรืออาชีวะในประเทศมาเลเซีย -อินโดนีเซียหรือชาติอาหรับ (เพื่อให้เลือดมุสลิมเข้มข้น) เพราะค่าใช้จ่ายถูก โดยกก.อิสลามในประเทศไทยส่งเงินไปช่วยจนจบ (สำหรับใครที่ไปบรูไนเรียนฟรี) ส่วนคนมีฐานะให้ไปเรียนระดับปริญญาที่ลิเบีย อิหร่านเป็นต้น ต่อจากนั้นได้มีการ วางคนมุสลิมเข้าไปในวงการเมืองและในวงราชการ เพื่อให้นักการเมืองมุสลิมได้บริหารบ้านเมือง และไปจัดแถวให้ข้าราชการมุสลิมอยู่ในตำแหน่งสำคัญในหน่วยงานราชการ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศมุสลิม
แผนการระยะสั้น เรียกแผน ตาลาตี๊ต่ำปง เป็นแผนต่อจากแผนแรก โดยมุ่งจะยึดครองประเทศไทยเป็นประเทศมุสลิมให้ได้ ภายใน 10 ปี (2547-2557)
เป้าหมายสำคัญ คือในปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ.2563) จะยึดประเทศไทยได้ทั้งหมด โดยแผนระบุไว้ว่า"วันที่ไทยจะเศร้าที่สุด คือวันที่ในหลวงสิ้นประชนม์" โดยมาเลย์จะเป็นผู้รับแผนปกครองไทย และจะใช้กฎหมายอิสลามปกครองประเทศ (มีหนังสือปกที่มหาเธใส่เสื้อสีแดง ในเอกสารลับของมุสลิม)
เป้าหมายและวิธีดำเนินการ
ผู้นำย้ำให้พยายาม ทำให้คนไทยแตกแยกกัน ทำให้พุทธแตกแยก ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้โครงการ ตาลาตี๊ต่ำปง มุ่งหมายทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย โดยวางมุสลิมเป็นนักการเมือง เข้าสังกัดทุกพรรค
นโยบายเชิงรุกในการยึดครองแผ่นดินไทย ภายใน 10 ปี
กลยุทธ์ที่ใช้มีดังนี้ (ตาลาตี๊ต่ำปง) ต้องเจาะให้ไทยมันเลือดไหลหมดตัว แล้วมันจะค่อยๆตายโดยที่
1. ต้องยุยงมันให้ทะเลาะกันในหมู่พระสงฆ์ นักการเมือง นักศึกษา ประชาชน ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องใช้เงินในการทำ CD ให้สถาบันเสื่อม ต้องใช้เงินมากก็ยอม ทำลายติดต่อกัน โดยส่งคนเข้าทุกพรรค
2. การขโมยเด็กไทยพุทธที่ทำมา 39 ปีแล้ว ต้องทำต่อ นำมาฝึกการโจรกรรม ทำระเบิด เด็กที่ฝึกไว้เหลือไม่กี่ร้อย คงต้องใช้เงินไปซื้อเด็กทางภาคเหนือ อิสาน หรือแหล่งสลัมในภาคกลาง ถ้าไม่ได้เด็กไทยพุทธตามจำนวน ก็ต้องหลอกล่อพ่อแม่มุสลิมว่า ขอลูกส่งไปเรียนนอกประเทศไทย แต่ต้องไปเรียนภาษาอาหรับที่ปอเนาะทางภาคใต้ก่อน เอาเด็กอายุ ไม่เกิน 10 ปี
3. การจ้างคนทำลายพระสงฆ์และวัดไทย ยังต้องทำต่อเนื่อง เอาคนของเราแทรกเข้าไปในวัดไทยให้มากที่สุด และวางคนตีโอบทางภาคเหนือลงมาโดยเร็ว โดยใช้มุสลิมผู้ใหญ่เข้าไปค้าขายโรตีและของที่ระลึก
4. อย่าให้คนไทยพุทธและอิสลาม 3 จังหวัดใต้มีการศึกษา ให้เผาโรงเรียน ฆ่าครู สร้างปอเนาะเพื่อการปลุกระดม
5. เพิ่มประชากรมุสลิม ให้ชายหญิงแต่งงานเมื่อมีอายุ 12-13 ปี เพื่อเร่งสร้างกลุ่มมุสลิมที่เข้มแข็ง
6. ดึงเศรษฐกิจไทยมาเป็นของเรา ต้องเร่งทำ ให้ใช้มุสลิมพื้นที่เข้าซื้อที่ดินและกิจการรีสอร์ทโรงแรมตามชายทะเลทุกแห่ง และทุกแหล่งท่องเที่ยว ต้องให้เปลี่ยนมือมาเป็นของมุสลิมและให้คลืบคลานไปถึงกรุงเทพฯ ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน
7. เร่งทำลายกิจการในทุกพื้นที่ทุกกิจการ โดยเรียกคนมุสลิมที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพ เข้ามาวางระเบิดธนาคาร สถานที่ราชการ การไฟฟ้า โชว์รูมรถ สถานีรถไฟ รถขนส่ง ท่าอากาศยาน ศูนย์การค้า ปั๊มน้ำมัน ก่อนลงมือทำต้องแจ้งให้มุสลิมในพื้นที่รู้ก่อน จะได้ไม่ไปโดนลูกหลง
8. ให้เพิ่มเจ้ามือหวยมาเลย์ ไปยังทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน เราต้องเป็นเจ้ามือเพียงผู้เดียว พื้นที่ใดยังมีคนพุทธเป็ฯเจ้ามือ ให้ฆ่าทิ้งเสีย รับซื้อหวยรัฐบาล หวยออมสิน อื่นๆ แม้ 1 บาทก็รับซื้อหมด ให้มันงมงายเล่นหวยมาเลย์ ออกรางวัล สัปดาห์ละ 4 ครั้ง เดือนละ 16 ครั้ง รางวัลABCD 4ตัว มันไม่ถูกเรารวย เงินฆ่ามันเอง เราครอบครองได้ทั้ง 3 จังหวัด เพราะรางวัลสูงกว่าหวยไทย ไอ้ทักษิณ ไปแล้วยิ่งทำง่าย
9. การฆ่าคนพุทธเพิ่มมุสลิม ทำให้ได้วันละ 2,000 คน เดือนละหกหมื่นคน ปีละ 720,000 คน การที่คนของเราไปแต่งกับพุทธดึงคนมา ได้ลูกจะเป็นมุสลิมปีละ 5 ล้านคน อันนี้ต้องทำให้ได้ หลังจากนั้นจะทวีคูณ เป็นการกลืนคนโดยง่าย การมีมุสลิมมากไว้ต่อรองเป็นสิ่งสำคัญ
10. แย่งชิงผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดี โดยใช้สุลต่านหรือองค์หญิงที่เกิดจากรายา ประไหมสุหรี่ ก็ต้องทำ เลือกแต่งงานกับคนมีเงินมีตำแหน่งในรัฐบาล กิจการทองคำ สายการบิน เรือเดินทะเล นักการเมือง กระจายเรื่องนี้ลงในมุสลิมทุกคน
11. การครอบงำกิจการการเงินทุกองค์กร การมีเงินคือการมีอำนาจ ใส่หัวมุสลิมทุกคนไว้ โดยการช่วยให้มุสลิมคุมการคลัง การเงินทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ทุกกระทรวง และกิจการโทรคมนาคม วางมุสลิมไว้ในตำแหน่งสูงๆทุกจังหวัด ทุกอำเภอทุกตำบล หรือแม้แต่การเงินในวัดไทยก็ต้อง ใช้คนมุสลิมเข้าไปใกล้ให้ได้ทำบัญชีของวัด ในกิจการของ KTB ได้ผลพอประมาร ต้องเข้าไปในธนาคารอื่นด้วย เช่นธนาคารสงเคราะห์ และธนาคารของของชาติต่างๆ
12. การสร้างสถานการณ์เรื่องมุสลิมใต้ถูกรังแก ต้องทำต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดมากๆ ให้กลุ่มอัลไคด้ารู้ เพื่อส่งต่อให้เจไอ เข้าวางแผนทำลายล้างมัน
13. การทำแผนที่จุดสำคัญในกรุงเทพและเมืองใหญ่ๆในไทย ต้องเร่งทำให้เสร็จ เด็กเราส่งไปเรียนตามสถาบันต่างๆ เวลาว่างให้ช่วยเร่งทำ การเงินไม่ต้องห่วง ใช้เงินค่าแรงจากเงินที่เรียกค่าคุ้มครอง 4จังหวัดภาคใต้ เสร็จแล้วส่งให้ MD ดำเนินการต่อ
14. การปลุกระดมโดยวางคนเข้าไปในกลุ่มมุสลิมในอยุธยา นครสวรรค์ ดอยปุย และที่บ่อเกลือชายแดนเหนือทุกจังหวัด ต้องเร่งทำให้เหมือนที่ทุ่งครุ ตลิ่งชัน หนองจอก มีนบุรี พัทลุง เชียงราย บางแสน ให้ทำต่อเนื่อง ส่วนโรงเกลือ มุสลิมเราเอาคนข้ามไปฝั่งเขมรได้หุ้นคาสิโน และตามออเดอร์ ตะเข็บชายแดน รวมซื้อหุ้นคาสิโนที่เกาะสอง เราจะเอาภาคใต้ทั้งหมดไว้ก่อน เร่งสร้างมัสยิดเล็กๆ อย่าให้คนไทยพุทธรู้ตัว เร่งแทรกซึมเหมือนน้ำ
15. รวบรวมเงินของมุสลิมที่ร่ำรวยให้มากกว่าเดิม ส่งเด็กมุสลิมอื่นที่ไม่ใช่ลูกไปเรียนที่อัฟกานิสถานเดิมได้ผลดีเร่งทำต่อ เนื่อง เราต้องยึดไทยให้ได้เหมือนที่ยึดอินเดียใน 10 ปีเราจะกลืนไทยพุทธให้หมดและจะเร็วยิ่งขึ้น ถ้ามุสลิมได้เรียนเพิ่มแขนงแพทย์ให้มากๆ
16. การวางคนสืบทอดระยะยาว ปลูกจิตสำนึกบ่อยๆ ท่าน MD บอกว่า ถึงแม้รุ่นท่านไม่ทันก็ต้องทำต่อไป โดยมีรุ่นเรารุ่นเด็กสืบทอดไปในทุกเรื่องที่วางแผนไว้ เลือกเด็กฉลาดรับงานด้านศาสนา ปลูกฝังทำเพื่ออัลเลาะห์ ได้ขึ้นสวรรค์ การสร้างผู้นำในทุกๆกลุ่มสำคัญ โดยเฉพาะนักรบแผน 2 4 8 16 32ใช้ได้เสมอ เน้นการฟังมวลชนผู้ใหญ่
17. การล่อใจให้คนไทยพุทธให้เปลี่ยนศาสนาเป็นมุสลิม โดยให้กู้เงินดอกเบี้ยไม่มีดอก ปีต่อไปมีดอกเล็กน้อย หวังผลภายหน้า เขาจะช่วยเงินกลับมาภายหลัง ให้ทำต่อไปเหมือนโซ่
(ยึดที่ดินเรานั้นแหละแบบที่อิสลาเอลทำกับปาเลนไตน์)
18. การเข้าฮุบกิจการของหุ้นส่วน ให้ดูว่าส่วนใดไม่ระวังตัว ให้บอกเจไอเข้าดำเนินการฆ่าหุ้นส่วน แล้วดึงกิจการมาเป็นของเรา ต้องให้อยู่ในมือมุสลิมเท่านั้น
19. ให้อำนวยความสะดวกตามชายแดนที่ติดกับไทย ให้มันเล่นคาสิโนของเราให้ได้เงินมันมากที่สุด ส่งคนของเราตีสนิท สืบถามเรื่องกิจการภูเก็ต กระบี่ พังงา ให้ช่วยติดต่อซื้อกิจการด้านการท่องเที่ยวให้อยู่ในมือเรา
20. เป็นที่น่ายินดีขณะนี้เร่งส่งคนของเราเข้าแดนไทยให้มากที่สุด ก่อนที่มันจะสำรวจทะเบียนใหม่ การมีถิ่นฐานในไทย เราจะได้ซื้อที่ดินของมันให้มาก ก่อนที่มันจะกั้นแดน เราล้ำที่ดินทุกตารางเซ็นต์
21. ทุกครั้งที่มีโอกาสต้องขอโน่นขอนี่ให้มากที่สุด การวางตัวคนเข้าพรรคการเมืองและเป็นข้าราชการระดับสูง สู่เส้นทางบริหาร และเข้าใกล้ KING (ในหลวง) และแหล่งศาสนาที่ใหญ่มากที่สุดคือ ธ.ม.ก เอาคนของเราใช้เงินไปทำบุญซื้อใจ เมื่อเสร็จแล้ว แฟกซ์ส่งไปที่ KLS จำไว้
22. เร่งการต่อรองให้เราปกครองตนเอง ให้มีกฎหมายอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องเร่งทำ เพื่อการแยกดินแดนออกมาง่ายภายหลัง
23. ปลุกเร้าให้มุสลิมขับไล่ทหารออกไปโดยเร็ว ไม่ให้คุ้มครองครู มุสลิมและคนพุทธที่นอกกรอบให้ออกไปจากพื้นที่ 3 จังหวัดขณะนี้การฝึกเด็กของเราทำไม่สะดวก กลุ่มปะนาเระถูกจับตา เราต้องเข้าป่าทางบาโจ และบูโด ให้หน่วยกล้าตายของเราฆ่าคนของพุทธ ในเขตหนองจิก เพื่อดึงความสนใจไปด้านโน้น
24. เรื่องยาเสพติด ถ้าโดนกวนมากๆ ให้ย้ายฝั่งไปเขมรหรือลาว ของที่ผลิตแล้วในเกาะสองให้เร่งขาย สะสมเพื่อกิจการใหญ่ของเรา ถ้าโดนจับให้ทุ่มเงินจ่ายตำรวจท้องถิ่น ถ้ามันขัดขืนฆ่าทิ้งแถวพรุ
25. การแลกเงินไทยเป็นดอลล่าร์ ให้แลกเปลี่ยนทุกวัน ไม่ให้ธนาคารไหวตัว ทำเศรษฐกิจมันให้ทรุด ให้มุสลิมซื้อบัตรเงินหรือแซงวั่นอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการเงิน ให้แทรกแทรงกิจการการเงินให้ได้มากที่สุด รวมทั้งการดึงเงินในพระสงฆ์ไทย ให้มาฝากในธนาคารของเรา
26. การนำรายได้เพิ่มจากอาหารคนและสัตว์ดีมาก เร่งสร้างอาหารฮาราล ส่งขายอาหรับ เงินจากการขายอาหารแมวสุนัข ะช่วยเพิ่มมุสลิมในยุโรป จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ ออสเตรเลีย และฝรั่งเศส
27. ระวังการดักฟังสื่อสาร เอกสารทุกเรื่องที่ประชุมเก็บให้มิดชิด เด็กใหม่ที่รับคำสั่งให้แน่ใจว่าข้อมูลไม่รั่วไหล อย่าให้จดบันทึกบ้านไทยพุทธที่พ่อแม่ถูกฆ่า ดึงเด็กมาเป็นของเรา สอนให้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ ย้ำประวัติศาสตร์ อิหม่ามถูกฆ่า1ให้ฆ่าพระ10 อุสต๊าสถูกฆ่า1 ให้ฆ่าครู10 ประโคมข่าวมุสลิมลี้ภัยไปหา MD(มหาเดย์) สร้างเหตุการณ์มุสลิมลี้ภัยใต้ให้มากยิ่งขึ้น ออกข่าวให้มุสลิมกลางส่งเงินมา ขอความเห็นใจจากทั่วโลก ทำให้มันเสียชื่อมากที่สุด เราจะได้ยึดครองได้ง่าย เร่งดึงเด็กไทยพุทธให้ไปเรียนที่ปีนัง อัพแลนด์ ให้ได้ 1000 คน เพื่อการปลูกฝัง ขณะนี้สายรายงานว่า ได้ปักธงลงบางพื้นที่ว่า เราได้ดินแดนไทย
28. ผูกขาดการขายสินค้ากัยพ่อค้าชาวไทย ให้เปลี่ยนชื่อสินค้าทุกชนิดของเราเป็นชื่อทางยุโรป รวมถึงน้ำมันปิโตรเลียม ซื้อเข้าเมื่อราคาไทยต่ำ ส่งกลับให้มากเมื่อราคาไทยสูง
29. ให้เงินเจ้าหน้าทางชายแดนไทย ให้ช่วยเหลือกิจการของเรา ซื้อพรรคการเมืองไทย ทำลายศาสนาพุทธ สถาบันชาติ สถาบันกษัตริย์ โดยด่วน
แผ่นดินไทยทุกตารางนิ้ว ที่เราเหยียบลงไป แทรกซ้อนกลบฝังร่างของวีรบุรุษไทยของเหล่าทหารหาญ และชาวไทยทั้งปวงในอดีตมากมายสุดคณานับที่เสียสละ รักษาแผ่นดิน และสร้างชาติไทย ท่านเหล่านั้นมีกี่คนที่เรารู้จักชื่อของท่าน มีกี่คนที่มีพระนามระบุไว้ในพงศาวดาร แต่ด้วย " ความเป็นคนไทย " ที่ฝังอยู่ในสายเลือดและวิญญาณของท่านเหล่านั้น ท่านจึงทำหน้าที่รักษาแผ่นดินด้วย " ความภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย " แผ่นดินไทยจึง ยั่งยืนปรากฏเด่นสง่าบนแผนที่โลกตราบเท่าทุกวันนี้ และแผ่นดินไทยผืนนี้ก็คือพินัยกรรมที่บรรพบุรุษไทย มอบให้เราชาวไทยเป็นสมบัติร่วมกันอยู่อาศัย ร่วมกันรักษา เมื่อมีมหันตภัยเยี่ยมกรายเข้ามาต้องหาหนทางป้องกัน หากเรารุ่นลูกหลานไทย พากันนิ่งเฉยนั่นก็คือหนทางอันนำไปสู่วันสิ้นชาติ และเมื่อถึง "วันสิ้นชาติ"..... เราอาจไม่ใด้โอกาสแก้ไข "
ของผู้ก่อการ ขจก. ย้ำ "ขจก."
เอามาเตือนให้คิดกันอีกครั้งว่ามันเกิดขึ้นไปกี่ข้อแล้ว และในต่างประเทศมีกลุ่มหัวรุ่นแรงเพิ่มขึ้นแล้วเท่าไหร่? ร่วมกันพลักดันกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงออกไปให้พ้นจากประเทศไทย
แผนการ...ต้องการโดดเดี่ยว สหรัฐอเมริกาและยุโรป ด้วยการเอาเอเชีย (ไทย-ลาว-เขมร-เวียดนาม-พม่า-และมาเลเซีย) รวมเป็นรัฐอิสลาม หรือเป็นเครือข่าย ผนวกกับอินโดนีเซียเป็นฐาน ต่อสู้อเมริกาและยุโรป โดยใช้มาเลเซียเป็นรัฐบาลกลาง โดยมุสลิมโลก นำมุสลิมจากซีเรีย ลิเบียและอาฟกานิสถาน เข้ามาฝึกอาวุธและการสื่อสาร ให้มุสลิมในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงอินโดนีเซีย(ซึ่งมีคนจนมาก) เชื่อมโยงถึงฟิลิปปินส์(ซึ่งมีคริสต์มาก) และมาเลเซีย(อิสลามเข้มแข็ง) โดยเฉพาะประเทศไทย(เพราะมีพุทธมาก)ซึ่งในปัจจุบันให้ ดร.มหาเธ แห่งมาเลเซีย เป็นผู้นำมุสลิมในภูมิภาคเอเซีย
แผนการระยะยาว
ได้เริ่มปฏิบัติการมาราว 40 ปีแล้ว โดยพยายามเพิ่มประชากรมุสลิมในประเทศไทย ด้วยวิธีของศาสนาอิสลาม คือชายอิสลามให้มีภรรยาประจำได้ 4คน (เมื่อมีลูกแล้วจะหย่าหรือเลิกไปมีภรรยาใหม่อีกก็ได้ เพื่อจะได้เร่งการมีลูกมีประชากรอิสลามได้มากและเร็วขึ้น)
จากนั้น กก.อิสลาม จะส่งเด็กไทยอิสลามไปเรียนในระดับประถมและมัธยมหรืออาชีวะในประเทศมาเลเซีย -อินโดนีเซียหรือชาติอาหรับ (เพื่อให้เลือดมุสลิมเข้มข้น) เพราะค่าใช้จ่ายถูก โดยกก.อิสลามในประเทศไทยส่งเงินไปช่วยจนจบ (สำหรับใครที่ไปบรูไนเรียนฟรี) ส่วนคนมีฐานะให้ไปเรียนระดับปริญญาที่ลิเบีย อิหร่านเป็นต้น ต่อจากนั้นได้มีการ วางคนมุสลิมเข้าไปในวงการเมืองและในวงราชการ เพื่อให้นักการเมืองมุสลิมได้บริหารบ้านเมือง และไปจัดแถวให้ข้าราชการมุสลิมอยู่ในตำแหน่งสำคัญในหน่วยงานราชการ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศมุสลิม
แผนการระยะสั้น เรียกแผน ตาลาตี๊ต่ำปง เป็นแผนต่อจากแผนแรก โดยมุ่งจะยึดครองประเทศไทยเป็นประเทศมุสลิมให้ได้ ภายใน 10 ปี (2547-2557)
เป้าหมายสำคัญ คือในปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ.2563) จะยึดประเทศไทยได้ทั้งหมด โดยแผนระบุไว้ว่า"วันที่ไทยจะเศร้าที่สุด คือวันที่ในหลวงสิ้นประชนม์" โดยมาเลย์จะเป็นผู้รับแผนปกครองไทย และจะใช้กฎหมายอิสลามปกครองประเทศ (มีหนังสือปกที่มหาเธใส่เสื้อสีแดง ในเอกสารลับของมุสลิม)
เป้าหมายและวิธีดำเนินการ
ผู้นำย้ำให้พยายาม ทำให้คนไทยแตกแยกกัน ทำให้พุทธแตกแยก ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้โครงการ ตาลาตี๊ต่ำปง มุ่งหมายทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย โดยวางมุสลิมเป็นนักการเมือง เข้าสังกัดทุกพรรค
นโยบายเชิงรุกในการยึดครองแผ่นดินไทย ภายใน 10 ปี
กลยุทธ์ที่ใช้มีดังนี้ (ตาลาตี๊ต่ำปง) ต้องเจาะให้ไทยมันเลือดไหลหมดตัว แล้วมันจะค่อยๆตายโดยที่
1. ต้องยุยงมันให้ทะเลาะกันในหมู่พระสงฆ์ นักการเมือง นักศึกษา ประชาชน ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องใช้เงินในการทำ CD ให้สถาบันเสื่อม ต้องใช้เงินมากก็ยอม ทำลายติดต่อกัน โดยส่งคนเข้าทุกพรรค
2. การขโมยเด็กไทยพุทธที่ทำมา 39 ปีแล้ว ต้องทำต่อ นำมาฝึกการโจรกรรม ทำระเบิด เด็กที่ฝึกไว้เหลือไม่กี่ร้อย คงต้องใช้เงินไปซื้อเด็กทางภาคเหนือ อิสาน หรือแหล่งสลัมในภาคกลาง ถ้าไม่ได้เด็กไทยพุทธตามจำนวน ก็ต้องหลอกล่อพ่อแม่มุสลิมว่า ขอลูกส่งไปเรียนนอกประเทศไทย แต่ต้องไปเรียนภาษาอาหรับที่ปอเนาะทางภาคใต้ก่อน เอาเด็กอายุ ไม่เกิน 10 ปี
3. การจ้างคนทำลายพระสงฆ์และวัดไทย ยังต้องทำต่อเนื่อง เอาคนของเราแทรกเข้าไปในวัดไทยให้มากที่สุด และวางคนตีโอบทางภาคเหนือลงมาโดยเร็ว โดยใช้มุสลิมผู้ใหญ่เข้าไปค้าขายโรตีและของที่ระลึก
4. อย่าให้คนไทยพุทธและอิสลาม 3 จังหวัดใต้มีการศึกษา ให้เผาโรงเรียน ฆ่าครู สร้างปอเนาะเพื่อการปลุกระดม
5. เพิ่มประชากรมุสลิม ให้ชายหญิงแต่งงานเมื่อมีอายุ 12-13 ปี เพื่อเร่งสร้างกลุ่มมุสลิมที่เข้มแข็ง
6. ดึงเศรษฐกิจไทยมาเป็นของเรา ต้องเร่งทำ ให้ใช้มุสลิมพื้นที่เข้าซื้อที่ดินและกิจการรีสอร์ทโรงแรมตามชายทะเลทุกแห่ง และทุกแหล่งท่องเที่ยว ต้องให้เปลี่ยนมือมาเป็นของมุสลิมและให้คลืบคลานไปถึงกรุงเทพฯ ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน
7. เร่งทำลายกิจการในทุกพื้นที่ทุกกิจการ โดยเรียกคนมุสลิมที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพ เข้ามาวางระเบิดธนาคาร สถานที่ราชการ การไฟฟ้า โชว์รูมรถ สถานีรถไฟ รถขนส่ง ท่าอากาศยาน ศูนย์การค้า ปั๊มน้ำมัน ก่อนลงมือทำต้องแจ้งให้มุสลิมในพื้นที่รู้ก่อน จะได้ไม่ไปโดนลูกหลง
8. ให้เพิ่มเจ้ามือหวยมาเลย์ ไปยังทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน เราต้องเป็นเจ้ามือเพียงผู้เดียว พื้นที่ใดยังมีคนพุทธเป็ฯเจ้ามือ ให้ฆ่าทิ้งเสีย รับซื้อหวยรัฐบาล หวยออมสิน อื่นๆ แม้ 1 บาทก็รับซื้อหมด ให้มันงมงายเล่นหวยมาเลย์ ออกรางวัล สัปดาห์ละ 4 ครั้ง เดือนละ 16 ครั้ง รางวัลABCD 4ตัว มันไม่ถูกเรารวย เงินฆ่ามันเอง เราครอบครองได้ทั้ง 3 จังหวัด เพราะรางวัลสูงกว่าหวยไทย ไอ้ทักษิณ ไปแล้วยิ่งทำง่าย
9. การฆ่าคนพุทธเพิ่มมุสลิม ทำให้ได้วันละ 2,000 คน เดือนละหกหมื่นคน ปีละ 720,000 คน การที่คนของเราไปแต่งกับพุทธดึงคนมา ได้ลูกจะเป็นมุสลิมปีละ 5 ล้านคน อันนี้ต้องทำให้ได้ หลังจากนั้นจะทวีคูณ เป็นการกลืนคนโดยง่าย การมีมุสลิมมากไว้ต่อรองเป็นสิ่งสำคัญ
10. แย่งชิงผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจดี โดยใช้สุลต่านหรือองค์หญิงที่เกิดจากรายา ประไหมสุหรี่ ก็ต้องทำ เลือกแต่งงานกับคนมีเงินมีตำแหน่งในรัฐบาล กิจการทองคำ สายการบิน เรือเดินทะเล นักการเมือง กระจายเรื่องนี้ลงในมุสลิมทุกคน
11. การครอบงำกิจการการเงินทุกองค์กร การมีเงินคือการมีอำนาจ ใส่หัวมุสลิมทุกคนไว้ โดยการช่วยให้มุสลิมคุมการคลัง การเงินทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ทุกกระทรวง และกิจการโทรคมนาคม วางมุสลิมไว้ในตำแหน่งสูงๆทุกจังหวัด ทุกอำเภอทุกตำบล หรือแม้แต่การเงินในวัดไทยก็ต้อง ใช้คนมุสลิมเข้าไปใกล้ให้ได้ทำบัญชีของวัด ในกิจการของ KTB ได้ผลพอประมาร ต้องเข้าไปในธนาคารอื่นด้วย เช่นธนาคารสงเคราะห์ และธนาคารของของชาติต่างๆ
12. การสร้างสถานการณ์เรื่องมุสลิมใต้ถูกรังแก ต้องทำต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดมากๆ ให้กลุ่มอัลไคด้ารู้ เพื่อส่งต่อให้เจไอ เข้าวางแผนทำลายล้างมัน
13. การทำแผนที่จุดสำคัญในกรุงเทพและเมืองใหญ่ๆในไทย ต้องเร่งทำให้เสร็จ เด็กเราส่งไปเรียนตามสถาบันต่างๆ เวลาว่างให้ช่วยเร่งทำ การเงินไม่ต้องห่วง ใช้เงินค่าแรงจากเงินที่เรียกค่าคุ้มครอง 4จังหวัดภาคใต้ เสร็จแล้วส่งให้ MD ดำเนินการต่อ
14. การปลุกระดมโดยวางคนเข้าไปในกลุ่มมุสลิมในอยุธยา นครสวรรค์ ดอยปุย และที่บ่อเกลือชายแดนเหนือทุกจังหวัด ต้องเร่งทำให้เหมือนที่ทุ่งครุ ตลิ่งชัน หนองจอก มีนบุรี พัทลุง เชียงราย บางแสน ให้ทำต่อเนื่อง ส่วนโรงเกลือ มุสลิมเราเอาคนข้ามไปฝั่งเขมรได้หุ้นคาสิโน และตามออเดอร์ ตะเข็บชายแดน รวมซื้อหุ้นคาสิโนที่เกาะสอง เราจะเอาภาคใต้ทั้งหมดไว้ก่อน เร่งสร้างมัสยิดเล็กๆ อย่าให้คนไทยพุทธรู้ตัว เร่งแทรกซึมเหมือนน้ำ
15. รวบรวมเงินของมุสลิมที่ร่ำรวยให้มากกว่าเดิม ส่งเด็กมุสลิมอื่นที่ไม่ใช่ลูกไปเรียนที่อัฟกานิสถานเดิมได้ผลดีเร่งทำต่อ เนื่อง เราต้องยึดไทยให้ได้เหมือนที่ยึดอินเดียใน 10 ปีเราจะกลืนไทยพุทธให้หมดและจะเร็วยิ่งขึ้น ถ้ามุสลิมได้เรียนเพิ่มแขนงแพทย์ให้มากๆ
16. การวางคนสืบทอดระยะยาว ปลูกจิตสำนึกบ่อยๆ ท่าน MD บอกว่า ถึงแม้รุ่นท่านไม่ทันก็ต้องทำต่อไป โดยมีรุ่นเรารุ่นเด็กสืบทอดไปในทุกเรื่องที่วางแผนไว้ เลือกเด็กฉลาดรับงานด้านศาสนา ปลูกฝังทำเพื่ออัลเลาะห์ ได้ขึ้นสวรรค์ การสร้างผู้นำในทุกๆกลุ่มสำคัญ โดยเฉพาะนักรบแผน 2 4 8 16 32ใช้ได้เสมอ เน้นการฟังมวลชนผู้ใหญ่
17. การล่อใจให้คนไทยพุทธให้เปลี่ยนศาสนาเป็นมุสลิม โดยให้กู้เงินดอกเบี้ยไม่มีดอก ปีต่อไปมีดอกเล็กน้อย หวังผลภายหน้า เขาจะช่วยเงินกลับมาภายหลัง ให้ทำต่อไปเหมือนโซ่
(ยึดที่ดินเรานั้นแหละแบบที่อิสลาเอลทำกับปาเลนไตน์)
18. การเข้าฮุบกิจการของหุ้นส่วน ให้ดูว่าส่วนใดไม่ระวังตัว ให้บอกเจไอเข้าดำเนินการฆ่าหุ้นส่วน แล้วดึงกิจการมาเป็นของเรา ต้องให้อยู่ในมือมุสลิมเท่านั้น
19. ให้อำนวยความสะดวกตามชายแดนที่ติดกับไทย ให้มันเล่นคาสิโนของเราให้ได้เงินมันมากที่สุด ส่งคนของเราตีสนิท สืบถามเรื่องกิจการภูเก็ต กระบี่ พังงา ให้ช่วยติดต่อซื้อกิจการด้านการท่องเที่ยวให้อยู่ในมือเรา
20. เป็นที่น่ายินดีขณะนี้เร่งส่งคนของเราเข้าแดนไทยให้มากที่สุด ก่อนที่มันจะสำรวจทะเบียนใหม่ การมีถิ่นฐานในไทย เราจะได้ซื้อที่ดินของมันให้มาก ก่อนที่มันจะกั้นแดน เราล้ำที่ดินทุกตารางเซ็นต์
21. ทุกครั้งที่มีโอกาสต้องขอโน่นขอนี่ให้มากที่สุด การวางตัวคนเข้าพรรคการเมืองและเป็นข้าราชการระดับสูง สู่เส้นทางบริหาร และเข้าใกล้ KING (ในหลวง) และแหล่งศาสนาที่ใหญ่มากที่สุดคือ ธ.ม.ก เอาคนของเราใช้เงินไปทำบุญซื้อใจ เมื่อเสร็จแล้ว แฟกซ์ส่งไปที่ KLS จำไว้
22. เร่งการต่อรองให้เราปกครองตนเอง ให้มีกฎหมายอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องเร่งทำ เพื่อการแยกดินแดนออกมาง่ายภายหลัง
23. ปลุกเร้าให้มุสลิมขับไล่ทหารออกไปโดยเร็ว ไม่ให้คุ้มครองครู มุสลิมและคนพุทธที่นอกกรอบให้ออกไปจากพื้นที่ 3 จังหวัดขณะนี้การฝึกเด็กของเราทำไม่สะดวก กลุ่มปะนาเระถูกจับตา เราต้องเข้าป่าทางบาโจ และบูโด ให้หน่วยกล้าตายของเราฆ่าคนของพุทธ ในเขตหนองจิก เพื่อดึงความสนใจไปด้านโน้น
24. เรื่องยาเสพติด ถ้าโดนกวนมากๆ ให้ย้ายฝั่งไปเขมรหรือลาว ของที่ผลิตแล้วในเกาะสองให้เร่งขาย สะสมเพื่อกิจการใหญ่ของเรา ถ้าโดนจับให้ทุ่มเงินจ่ายตำรวจท้องถิ่น ถ้ามันขัดขืนฆ่าทิ้งแถวพรุ
25. การแลกเงินไทยเป็นดอลล่าร์ ให้แลกเปลี่ยนทุกวัน ไม่ให้ธนาคารไหวตัว ทำเศรษฐกิจมันให้ทรุด ให้มุสลิมซื้อบัตรเงินหรือแซงวั่นอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการเงิน ให้แทรกแทรงกิจการการเงินให้ได้มากที่สุด รวมทั้งการดึงเงินในพระสงฆ์ไทย ให้มาฝากในธนาคารของเรา
26. การนำรายได้เพิ่มจากอาหารคนและสัตว์ดีมาก เร่งสร้างอาหารฮาราล ส่งขายอาหรับ เงินจากการขายอาหารแมวสุนัข ะช่วยเพิ่มมุสลิมในยุโรป จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ ออสเตรเลีย และฝรั่งเศส
27. ระวังการดักฟังสื่อสาร เอกสารทุกเรื่องที่ประชุมเก็บให้มิดชิด เด็กใหม่ที่รับคำสั่งให้แน่ใจว่าข้อมูลไม่รั่วไหล อย่าให้จดบันทึกบ้านไทยพุทธที่พ่อแม่ถูกฆ่า ดึงเด็กมาเป็นของเรา สอนให้เปลี่ยนประวัติศาสตร์ ย้ำประวัติศาสตร์ อิหม่ามถูกฆ่า1ให้ฆ่าพระ10 อุสต๊าสถูกฆ่า1 ให้ฆ่าครู10 ประโคมข่าวมุสลิมลี้ภัยไปหา MD(มหาเดย์) สร้างเหตุการณ์มุสลิมลี้ภัยใต้ให้มากยิ่งขึ้น ออกข่าวให้มุสลิมกลางส่งเงินมา ขอความเห็นใจจากทั่วโลก ทำให้มันเสียชื่อมากที่สุด เราจะได้ยึดครองได้ง่าย เร่งดึงเด็กไทยพุทธให้ไปเรียนที่ปีนัง อัพแลนด์ ให้ได้ 1000 คน เพื่อการปลูกฝัง ขณะนี้สายรายงานว่า ได้ปักธงลงบางพื้นที่ว่า เราได้ดินแดนไทย
28. ผูกขาดการขายสินค้ากัยพ่อค้าชาวไทย ให้เปลี่ยนชื่อสินค้าทุกชนิดของเราเป็นชื่อทางยุโรป รวมถึงน้ำมันปิโตรเลียม ซื้อเข้าเมื่อราคาไทยต่ำ ส่งกลับให้มากเมื่อราคาไทยสูง
29. ให้เงินเจ้าหน้าทางชายแดนไทย ให้ช่วยเหลือกิจการของเรา ซื้อพรรคการเมืองไทย ทำลายศาสนาพุทธ สถาบันชาติ สถาบันกษัตริย์ โดยด่วน
แผ่นดินไทยทุกตารางนิ้ว ที่เราเหยียบลงไป แทรกซ้อนกลบฝังร่างของวีรบุรุษไทยของเหล่าทหารหาญ และชาวไทยทั้งปวงในอดีตมากมายสุดคณานับที่เสียสละ รักษาแผ่นดิน และสร้างชาติไทย ท่านเหล่านั้นมีกี่คนที่เรารู้จักชื่อของท่าน มีกี่คนที่มีพระนามระบุไว้ในพงศาวดาร แต่ด้วย " ความเป็นคนไทย " ที่ฝังอยู่ในสายเลือดและวิญญาณของท่านเหล่านั้น ท่านจึงทำหน้าที่รักษาแผ่นดินด้วย " ความภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย " แผ่นดินไทยจึง ยั่งยืนปรากฏเด่นสง่าบนแผนที่โลกตราบเท่าทุกวันนี้ และแผ่นดินไทยผืนนี้ก็คือพินัยกรรมที่บรรพบุรุษไทย มอบให้เราชาวไทยเป็นสมบัติร่วมกันอยู่อาศัย ร่วมกันรักษา เมื่อมีมหันตภัยเยี่ยมกรายเข้ามาต้องหาหนทางป้องกัน หากเรารุ่นลูกหลานไทย พากันนิ่งเฉยนั่นก็คือหนทางอันนำไปสู่วันสิ้นชาติ และเมื่อถึง "วันสิ้นชาติ"..... เราอาจไม่ใด้โอกาสแก้ไข "