ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ การดำเนินการแก้ไขปัญหา โรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก ห้ามเด็กนักเรียนมุสลิมคลุมฮิญาบ !!
มุสลิมฮือประท้วงวัดหนองจอก ! กรณีไม่ยอมให้สวมฮิญาบในโรงเรียนวัด อ้างรัฐธรรมนูญ+ระเบียบกระทรวง สารพัด !!
มุสลิมประท้วง |
กฎหมายต้องเหนือกว่าพระพุทธศาสนา เพื่อว่าศาสนาอิสลามจะได้ใหญ่กว่าไง
นายคนนี้หน้าคุ้นๆ ใช่ชื่อชารีฟหรือเปล่า ? |
ประท้วงวัดหนองจอก |
เปิดวัดให้มุสลิมเดี๋ยวนี้ ! |
กุรูแห่งอิสลาม |
เพื่อสันติ เราต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน ทุกแห่ง |
ถ้าทำที่วัดหนองจอกสำเร็จ ! ต่อไปก็มุ่งหน้าเข้าวัดพระแก้ว!! |
หลักกฎหมาย หรือน้ำผึ้งหยดเดียว ? |
เห็นแล้วก็เลื่อมใสชาวมุสลิมเขานะ แค่เด็กหญิงสองคนไม่ได้ใส่ฮิญาบก็ชวนกันไปประท้วงแทบจะปิดวัด
แต่ชาวพุทธ พระถูกวางระเบิดตายรายวันรายเดือน กลับเงียบ ผอ.สำนักพุทธฯ บอกไม่ว่าง ให้ลูกน้องไปดูแลแทน บอกได้คำเดียวว่าเศร้าฮ่ะ !
จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ เกี่ยวกับปัญหาเรื่องโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอกออกคำสั่งห้ามนักเรียนมุสลิมคลุมฮิญาบในโรงเรียน
ซึ่งเป็นคำสั่งที่ขัดกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 เป็นคำสั่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2550 ว่าด้วยสิทธิในการนับถือศาสนา และเป็นคำสั่งที่ละเมิดต่อสิทธิพื้นฐานในการนับถือศาสนาตามกฏบัตรสหประชาชาติ
ซึ่งคำสั่งนี้ส่งผลกระทบให้เด็กนักเรียนมุสลิมไม่สามารถปฏิบัติตามหลักการของศาสนาอิสลามในขณะเรียนได้ อีกทั้งยังสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในโรงเรียนและสังคมโดยรอบ
จากความพยายามสร้างความสับสนให้สังคมเข้าใจว่าคำสั่งห้ามนักเรียนมุสลิมคลุมฮิญาบเป็นคำสั่งที่ถูกต้อง แม้ว่าจะเป็นคำสั่งที่ขัดกับระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ
นอกจากนี้ยังมีความพยายามสร้างเรื่องให้ร้ายป้ายสีนักเรียนมุสลิม และผู้ที่ออกมาเรียกร้องให้โรงเรียนปฏิบัติตามตัวบทกฏหมาย ยึดในระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการเป็นหลักสากลของประเทศในการบริหารงานโรงเรียนให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลว่าเป็นกลุ่มที่ใช้ความรุนแรง และไม่เคารพความแตกต่างทางพหุศาสนา
เพื่อให้สังคมตระหนักในข้อเท็จจริงที่ปราศจากการให้ร้ายป้ายสี และรับรู้ข้อเท็จจริงร่วมกันในขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ ซึ่งใช้เวลายาวนานกว่า 7 เดือนในขั้นตอนต่างๆ
นับตั้งแต่เริ่มการดำเนินการ จนถึงการเจรจาต่อหน้ารัฐมนตรี และยอมรับร่วมกันว่าคำสั่งของโรงเรียนขัดต่อระเบียบกระทรวงศึกษา แต่ด้วยความดึงดันของผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ที่ไม่ยอมแก้ไขคำสั่งของตนให้ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ กระทั่งเกิดปัญหาบานปลายจนถึงขณะนี้ จึงขอนำเสนอลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ดังนี้
29 ตุลาคม 2553 คณะทำงานด้านกฏหมายกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ โดยนายสักรียา สุขจันทร์ ได้ทำหนังสือที่ กมส.053051056/2553 เรื่องการแต่งกายในสถานศึกษาของนักเรียนมุสลิม ส่งถึงผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก
เพื่อชี้แจงหลักการศาสนาอิสลามในเรื่องการแต่งกายของมุสลิม และกฏหมายที่อนุญาตให้มีการแต่งกายตามหลักศาสนาอิสลามในโรงเรียนได้ เนื่องจากได้รับร้องเรียนจากนักเรียน 2 คนให้ช่วยเหลือ หลังจากที่ทั้งสองได้ร่วมกับเพื่อนนักเรียน 17 คน (ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร)ทำหนังสือขอคลุมฮิญาบกับทางโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน แต่เรื่องเงียบไป
5 พฤศจิกายน 2553 ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอกทำหนังสือเลขที่ ศธ04232.28/1133 แจ้งมายังกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ ระบุว่าให้เด็กแต่งกายตามระเบียบของโรงเรียน (ไม่สามารถคลุมฮิญาบได้) ในระหว่างรอการพิจารณา
23 พฤศจิกายน 2553 กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายกรัฐมนตรี (ที่ กมส.053111783/2553) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ที่กมส.053111782/2553) กรณีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก ที่สั่งห้ามนักเรียนคลุมฮิญาบ ซึ่งขัดกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการแต่งกายเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 และทางสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือตอบกลับ (ที่ นร.0105.04/86955 รหัสเรื่องที่ นร.01530021730) โดยแจ้งว่าได้ส่งเรื่องให้สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐานพิจารณาแล้ว
30 พฤศจิกายน 2553 ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก มีหนังสือที่ ศธ.04232.28/ว1245แจ้งไปยังนักเรียน 17 คนที่ทำเรื่องขอคลุมฮิญาบไว้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา เป็นเพื่อแจ้งถึงคำสั่งที่ 240/2553 ให้ยกคำขอการแต่งกายตามศาสนบัญญัติ (ห้ามนักเรียนคลุมฮิญาบ) แต่โรงเรียนไม่ยอมแจ้งผลดังกล่าวมายังกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติตามหนังสือที่ กมส.053051056/2553
28 กุมภาพันธ์ 2554 กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติได้ทำหนังสือที่ กมส.054030102 ถึง ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ปัญหาการแต่งกายตามหลักการศาสนาของนักเรียนสตรีมุสลิมโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก
7 มีนาคม 2554 กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ ส่งผู้แทน 3 ท่านเข้าชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้นกับนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รัฐมนตรีแจ้งว่าได้รับบัญชาจากนายกรัฐมนตรีให้มาแก้ไขปัญหาดังกล่าว
9 มีนาคม 2554 กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ ส่งผู้แทน 5 ท่านร่วมประชุมกับผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ผู้แทนสำนักงานพุทธศาสนา ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดหนอกจอก
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธาน ได้ข้อสรุปว่า มติของมหาเถรสมาคมไม่ได้ห้ามนักเรียนมุสลิมคลุมฮิญาบ โดยให้ขึ้นกับระเบียบของวัด
ซึ่งโรงเรียนตั้งอยู่ในที่ดินของวัดหนองจอก และวัดได้ใช้สิทธิในการเป็นเจ้าของที่ดินห้ามนักเรียนคลุมฮิญาบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเจรจากันเองระหว่างส่วนราชการและวัด
ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาเฉพาะที่ โดยที่โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่วัดอื่นๆ ยังคงสามารถคลุมฮิญาบได้ ซึ่งรัฐมนตรีนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าเปิดเทอมนี้เด็กต้องได้คลุมฮิญาบแน่นอน และคำสั่งของโรงเรียนที่ห้ามเด็กคลุมฮิญาบขัดกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
15 มีนาคม 2554 กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติได้ส่งผู้แทน 4 ท่านเข้าชี้แจ้งตามข้อร้องเรียนกับอนุกรรมาธิการศาสนาอิสลาม ในคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี นายฮอชาลี ม่าเหร็ม เป็นประธานโดยมีมติให้รอผลสรุปจากทางรัฐมนตรีก่อน หากยังไม่ได้ข้อยุติทางอนุกรรมาธิการจะดำเนินการต่อ
4 เมษายน 2554 กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติทำหนังสือที่ กมส.054040411/2554 ส่งถึงนายกรัฐมนตรี สอบถามความคืบหน้าการดำเนินการตามเรื่องร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของข้าราชการ (คือผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก)
ในการออกคำสั่งขัดกับระเบียบของกระทรวง หลังจากที่เรื่องนี้ถูกส่งไปยังสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐานแล้วตามหนังสือตอบกลับที่ นร.0105.04/86955 รหัสเรื่องที่ นร.01530021730 แต่เรื่องยังคงเงียบ และไม่เคยมีการเรียกนายซักรียา สุขจันทร์ ฝ่ายกฏหมายกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติเข้าชี้แจ้งข้อร้องเรียนแต่อย่างใด
ในวันเดียวกัน กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ ได้ทำหนังสือถึงนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่ กมส. 054040412/2554 สอบถามความคืบหน้าในการดำเนินการหลังจากการประชุมร่วมเมื่อวันที่ 9 มีนาคม
7 เมษายน 2554 นายสมพร หนูนุ่ม เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้มีหนังสือเลขที่ วธ.0102/886 ระบุว่าเรื่องดังกล่าวนั้น ทางกระทรวงวัฒนธรรมได้เรียนให้นายกรัฐมนตรีพิจารณามอบให้สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้ประสานงานและดำเนินการตามมติของที่ประชุม (ที่ประชุมร่วมเมื่อวันที่ 9 มีนาคม)
11 เมษายน 2554 กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติได้ทำหนังสือที่ กมส.054041115/2554 ถึงนายกรัฐมนตรีสอบถามความคืบหน้ากรณีปัญหาฮิญาบโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก หลังได้รับหนังสือแจ้งจากกระทรวงวัฒนธรรม
ในวันเดียวกัน กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติได้ทำหนังสือที่ กมส.054040413/2554 ถึง ประธานคณะอนุกรรมาธิการศาสนาอิสลาม สภาผู้แทนราษฎร (นายฮอชาลี ม่าเหร็ม) เพื่อแจ้งผลการดำเนินการของกระทรวงวัฒนธรรมตามหนังสือที่ วธ.0102/886 ให้ทราบ พร้อมเร่งรัดให้ดำเนินการกรณีดังกล่าวในส่วนของอนุกรรมาธิการศาสนาอิสลาม สภาผู้แทนราษฎร
20 เมษายน 2554 กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติได้ทำหนังสือที่ กมส.054042025/2554 ถึง นายอภิชาติ การิกาญจน์ ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ร้องเรียนกรณีโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอกออกคำสั่งขัดกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ โดยขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวด่วนที่สุด ซึ่งกรรมาธิการการศึกษาได้มีมติให้สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐานรับเรื่องไปดำเนินการเป็นการด่วน
24 เมษายน 2554 กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติได้จัดสัมมนาเรื่อง “สิทธินักเรียนมุสลิม ในโรงเรียน” เพื่อให้ความรู้กับผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน ครู นักเรียน และประชาชนทั่วไป พร้อมยกตัวอย่างกรณีของโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอกเป็นกรณีศึกษา
29 เมษายน 2554 โรงเรียนเรียกผู้ปกครองของเด็กนักเรียนที่ต้องการคลุมฮิญาบไปเรียนหนังสือตามหลักการศาสนาอิสลาม ซึ่งสอดคล้องกับระเบียบกระทรวงว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 ให้เข้าพบและอ้างว่ายังไม่มีผู้ใหญ่สั่งการลงมาโรงเรียนจึงไม่กล้าดำเนินการใดๆ ขอให้เด็กถอดผ้าคลุมฮิญาบไปโรงเรียนก่อน ทั้งยังขู่ว่าหากคลุมฮิญาบไปจะถูกกักตัวไว้ที่ห้องปกครอง
9 พฤษภาคม 2554 เป็นวันเปิดเรียนปีการศึกษา 2554 ของโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอกกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติและพี่น้องจำนวนหนึ่งร่วมแสดงพลังในการให้กำลังใจนักเรียนมุสลิมะฮฺที่ยืนยันว่าจะไม่ยอมทำผิดต่อหลักการศาสนาในการถอดฮิญาบไปเรียนหนังสือ
แม้จะถูกข่มขู่จากทางโรงเรียนก็ตามโดย ดร.ประพนธ์ หลีสิน ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอกได้ยืนยันกับเด็กนักเรียนต่อหน้าผู้แทนครู นักเรียน และผู้ปกครองของเด็กว่า ถ้าเด็กนักเรียนคลุมฮิญาบตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 มาเรียนหนังสือจะถูกลงโทษตามระเบียบของโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก
ในวันเดียวกันผู้แทนกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติส่งหนังสือร้องเรียนไปที่ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะผู้รักษาระเบียบตามกฏหมาย ในระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 หลังจากที่โรงเรียนยืนยันในคำสั่งของโรงเรียนที่ขัดกับระเบียบดังกล่าว
ในวันเดียวกันผู้ปกครองผู้รับมอบอำนาจ และฝ่ายกฏหมายกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ดร.ประพนธ์ หลีสิน ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการออกคำสั่งขัดกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551
10 พฤษภาคม 2554 มหาวิทยาลัยมหิดลจัดสานเสวนาเรื่อง ความหลากหลายทางศาสนา และวัฒนธรรม กรณีนักเรียนมุสลิมคลุมฮิญาบในโรงเรียน ดร.ประพนธ์ หลีสิน ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอกไปร่วมงานช่วงสั้นๆ เมื่อพูดเสร็จก็เดินทางกลับ
ในเย็นวันเดียวกันนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เรียกนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเข้าพบพร้อมมอบนโยบายให้มาแก้ปัญหาที่โรงเรียนห้ามนักเรียนมุสลิมคลุมฮิญาบดังกล่าว ให้เป็นไปตามระเบียบและอยู่ร่วมกันได้
11 พฤษภาคม 2554 ฝ่ายกฏหมายของกระทรวงศึกษาธิการร่วมประชุม และแจ้งให้โรงเรียนมัธยมวัดหนองจอกนัดทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้มาร่วมประชุมกับ นายชินภัทร ภูมิรัตน ซึ่งทางโรงเรียนฯ ได้โทรบอกผู้ปกครองของเด็กที่ต้องการคลุมฮิญาบให้เข้าประชุม โดยสั่งให้เด็กต้องไม่คลุมฮิญาบมาร่วมประชุม แต่ทางโรงเรียนฯ ไม่ได้แจ้งให้กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ ในฐานะผู้แทนของผู้ปกครองเด็กทราบว่ากลุ่มมุสลิมเพื่อสันติได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมด้วย
12 พฤษภาคม 2554 ที่ปรึกษากลุ่มมุสลิมเพื่อสันติได้รับแจ้งจากนิติกรของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่าทางกลุ่มฯ ได้รับเชิญให้ร่วมประชุมด้วยในฐานะผู้เกี่ยวข้อง ผู้แทนของกลุ่ม 3 ท่านจึงเข้าร่วมประชุมด้วย โดยได้ข้อสรุปจากการประชุมว่าโรงเรียน และสำนักงานมัธยมศึกษาเขต 2 ตีความกฎหมายคลาดเคลื่อนไปจากข้อกฏหมายที่ถูกต้อง ทำให้คำสั่งของโรงเรียนฯขัดกับระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
แต่เนื่องจากโรงเรียนได้สร้างความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้นมาตลอดในช่วงระยะเวลากว่า 7 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ยังคงมีกระแสต่อต้านจากครูและนักเรียนบางส่วนอยู่ จึงมีข้อตกลงร่วมให้ตั้งกรรมการ 3 ฝ่ายขึ้นมาแก้ปัญหาความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนที่โรงเรียนได้สร้างไว้ โดยกรรมการ 3 ฝ่ายประกอบด้วย ฝ่ายคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฝ่ายโรงเรียน และฝ่ายผู้ปกครอง
โดยมีผู้แทนฝ่ายละ 3 ท่าน และให้มีที่ปรึกษาศาสนาอิสลาม 1 ท่าน และศาสนาพุทธ 1 ท่าน ทำงานในกรอบเวลาไม่เกิน 3 เดือน โดยมีนายชินภัทร ภูมิรัตน เป็นประธาน โดยในระหว่างนี้ โรงเรียนต้องจัดการศึกษาในระบบการศึกษาตามอัธยาศัยให้กับนักเรียนที่บ้านโดยที่ไม่ถือว่าเด็กขาดเรียน และโรงเรียนต้องส่งแผนการเรียนให้เด็ก ซึ่งเด็กยังคงสถานะเป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอกอยู่
18 พฤษภาคม 2554 กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติได้ตั้งกรรมการร่วมในฝ่ายผู้ปกครองประกอบด้วย อ.ยงยศ เกตุเลขา, อ.ยะห์ยา ทองทา, ทนายฮานีฟ หยงสตาร์ โดยมี เชคริฏอ อะหมัด สมะดี เป็นที่ปรึกษาฝ่ายศาสนาอิสลาม
ทั้งนี้ขั้นตอนต่างๆ เป็นการดำเนินการโดยสงบ สันติ เน้นการเจรจาทำความเข้าใจเป็นหลักมาโดยตลอด แต่เนื่องจากมีกลุ่มหัวรุนแรงบางกลุ่มพยายามบิดเบือนข้อมูลดังกล่าว สร้างเรื่องใส่ร้ายเพื่อใช้เรื่องนี้เป็นประเด็นหวังจุดกระแสความขัดแย้งทางศาสนาขึ้นในสังคมไทย จึงทำให้หลายฝ่ายเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในข้อเท็จจริง
ด้วยเหตุนี้กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติจึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงข้างต้นพร้อมอ้างเอกสารหลักฐานซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากส่วนราชการดังที่ระบุในรายละเอียด เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในสังคม อันจะทำให้เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ดังเดิม
ข่าว : มุสลิมไทย
6 มิถุนายน 2554
ขอขอบคุณข้อมูล alittlebuddha.com
10 ความคิดเห็น
Write ความคิดเห็นหนอกจอกไหน??? ตำบล ? อำเภอ ?? จังหวัด ???
Replyง่ะ หนองจอก ก็เขตไงฮะ อยู่กรุงเทพมหานครเด้อค่าคุณ -*-
Replyโอ๊ย เจ็บปวดหลาย T.T
แถวนั้น โรงเรียนอิสลามก็มี ทำไมไม่ไปเรียนละครับ เมื่อก่อน ก็เรียนกันได้ไม่ต้องคลุมหัว แต่ปัจจุบัน เป็นอะไรกันนักหนา เพิ่งมาเคร่งตอนมีคนถือหางอิสลามเหรอ!!!
Replyไม่ยอม
Replyไม่ใช่อิสลามนะ แต่แค่เค้าใส่ มันผิดมากตรงไหน เค้าก้อไม่ได้ใส่แบบสีสันฉูดฉาด เขาก้อมีธรรมเนียมของเค้า. กลายเปนว่า ความผิดตกที่เด็กหรา เด็กเค้าจะคิดยังไง คือมามีปันหากับเรื่องแค่นี้หรา เราให้เกียรติเค้า เค้าก้อให้เกียรติเรา อย่าเหมารวมเลยว่า อิสลามที่วางระเบิดจะมาเกี่ยวกะคนพวกนี้ ทุกชาติศาสนา มันก้อมีทั่งคนเลวและคนดีทั่งนั้นละ พุทธเหี้ยๆก้อเยอะแยะไป
Replyมันรุกคืบไปเรื่อย
Replyแผนแยกคนของเขาออกจากชาวพุทธ เด็กไม่รู้หรอก แต่ผู้ใหญ่ที่วางแผนอยู้เบื้องหลัง..คงไม่เอาแค่ญิฮาบ ยังมีอย่างอื่นอีก
Replyแผนแยกคนของเขาออกจากชาวพุทธ เด็กไม่รู้หรอก แต่ผู้ใหญ่ที่วางแผนอยู้เบื้องหลัง..คงไม่เอาแค่ญิฮาบ ยังมีอย่างอื่นอีก
Replyดดดด
Replyคุณมาเรียนในโรงเรียนวัด คุณควรให้เกียรติเเละเคารพสถานที่เเละระเบียบของสถานที่ มันเเปลกตรงไหน ทำไม่ได้ก็ไปเรียนที่อื่นสิ...รู้ๆๆทั้งรู้ว่านี่่เป็นโรงเรียนของพุทธ เเละยังเป็นวัดอีก ก็น่าจะรู้ดี..เเต่เราก็ยังให้คุณมาเรียน ควรจะสำนึดในบุญคุณ ไม่ใช่เเห่พวกมาประท้วง กวนบ้านกวนเมืองเเบบนี้...เรื่องกตัญญูกตเวทิตา มุสลิมเขาไม่สอนกันเลยเหรอ..การออมชอม การสงบสุข เป็นวิถีของคนไทยมาเเต่โบราณเเล้ว..คุณได้เลือดหัวรุนเเรงไร้สติเเบบนี้มาจาดชกไหนกัน..ลองกลับมาพิจารณาที่ใจตัวเองก่อนดีไหม??
Reply